สาวไทยพร้อมเพื่อนชาวอินเดียถูกหลอกให้ซื้อสมุนไพรลดความอ้วน ในราคา 12,500 บาท แต่สุดท้ายได้แค่น้ำผึ้ง โชคดีรู้ตัวเร็วรีบแจ้งตำรวจให้ช่วยไปทวงเงินคืน
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 18 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวประจำเมืองพัทยาได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.วาสนา อายุ 32 ปี พร้อมด้วยเพื่อนนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย MR. Shantaram อายุ 45 ปี ซึ่งมีท่าทางตื่นตระหนก รีบเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังถูกหลอกขายสมุนไพร
น.ส.วาสนา เปิดเผยว่า ขณะตนและเพื่อนชาวอินเดียนั่งรถสองแถว ได้มีชาย 2 คนเข้ามาตีสนิท ชักชวนให้ไปซื้อสมุนไพร โดยอ้างสรรพคุณว่า “กินแล้วจะช่วยลดความอ้วน ทำให้รูปร่างผอมลง” เพื่อนชาวอินเดียหลงเชื่อ จึงตัดสินใจซื้อในราคา 12,500 บาท
ต่อมาเมื่อกลับถึงห้องพักและเปิดดู พบว่าสินค้าที่ซื้อมาแท้จริงเป็นเพียง “น้ำผึ้ง” ซึ่งไม่น่าจะมีราคาแพงขนาดนั้น จึงลองตรวจสอบข่าวสารและพบว่ามีชาวต่างชาติหลายรายเคยถูกหลอกในลักษณะคล้ายกันมาแล้ว จึงเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแนะนำให้รีบไปยังร้านที่ซื้อมา โดยจะประสานสายตรวจเขตไปติดตามเพื่อเกรงว่าหากชักช้า ร้านอาจปิดหนีได้ ต่อมา น.ส.วาสนา และเพื่อนชาวอินเดีย พร้อมผู้สื่อข่าว ได้เดินทางไปยังร้านดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่ในโครงการหนึ่ง ที่ถนนพัทยาสาย 2 ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
เมื่อเจ้าหน้าที่สายตรวจมาถึง ได้เข้าไปเจรจากับเจ้าของร้านขายสมุนไพร ใช้เวลาพูดคุยกว่า 10 นาที สุดท้ายเจ้าของร้านยอมคืนเงินจำนวน 12,500 บาท ให้กับผู้เสียหายครบตามจำนวน
น.ส.วาสนา และเพื่อนชาวอินเดีย ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมถึงผู้สื่อข่าวที่เข้ามาช่วยเหลือจนได้เงินคืน พร้อมฝากเตือนผู้ประกอบการว่า การหลอกลวงนักท่องเที่ยวเช่นนี้ เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของเมืองพัทยา อีกทั้งยังเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและกวดขันอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก
ผู้สื่อข่าวยังรายงานเพิ่มเติมว่า ร้านสมุนไพรดังกล่าวเคยมีเรื่องร้องเรียนมาแล้วเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 โดยครั้งนั้นมีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียถูกหลอกขายสมุนไพรอ้างสรรพคุณปลูกผมในราคา 24,175 บาท แต่เมื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้เสียหายได้เงินคืนเพียง 22,800 บาท และยอมไม่ติดใจเอาความ
นอกจากนี้ยังพบว่าร้านสมุนไพรแห่งนี้เคยถูก ตำรวจท่องเที่ยวพัทยาบุกจับมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่เจ้าของร้านก็ยังไม่เข็ดหลาบ กลับมาเปิดกิจการหลอกลวงซ้ำอีก สร้างความเสื่อมเสียให้กับภาพลักษณ์เมืองพัทยาเป็นอย่างมาก
ประชาชนและนักท่องเที่ยวจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้มีการหลอกลวงนักท่องเที่ยวและสร้างความเสียหายต่อเมืองท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลกแห่งนี้อีก