สิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ ตอบแล้ว ต้องร่วมจ่ายทุกครั้งไหม?

สิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ ตอบแล้ว ต้องร่วมจ่ายทุกครั้งไหม?

View icon 39.7K
วันที่ 29 ก.ย. 2568 | 10.05 น.
เกาะกระแสออนไลน์
แชร์
กรมบัญชีกลางเคลียร์ทุกคำถาม เกี่ยวกับ “สิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ ต้องร่วมจ่าย Co Pay จริงหรือไม่” โดยมีการชี้แจงรายละเอียดดังนี้

กรมบัญชีกลางให้ผู้ใช้สิทธิข้าราชการต้องร่วมจ่ายเงินทุกครั้งที่เข้ารับการรักษา (CO-PAYMENT) ใช่หรือไม่ ?

ตอบ: กรมบัญชีกลางได้ทำการปรับเรื่องการใช้ยาให้เหมาะสมตามอัตรา ให้เป็นไปตามเงื่อนไข ข้อมูล และเพดานที่กรมบัญชีกลางกำหนด โดยอ้างอิงจากข้อมูลการใช้ยาจริงของสถานพยาบาล และฐานข้อมูลการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล (MEDICAL BENEFI DATABASE) ของกรมบัญชีกลาง ราคาจัดซื้อของ สปสช. เพื่อให้มั่นใจว่า อัตราใหม่สอดคล้องกับราคาที่จัดซื้อจริง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารงบประมาณด้านยาอย่างคุ้มค่า เป็นการกำหนดเงื่อนไขในการจ่ายตามปกติที่กรมบัญชีกลางทำมาโดยตลอด เช่นเดียวกับพวกค่าห้อง ค่าอวัยวะเทียม และค่าตรวจวินิจฉัย

ต่อไปสิทธิข้าราชการจะเบิกได้เฉพาะยาในบัญชียาหลักแห่งชาติเท่านั้น ไม่สามารถเบิกค่ายาอื่นแบบได้ ใช่หรือไม่?

การเบิกจ่ายค่ายา ผู้มีสิทธิยังคงสามารถ เบิกค่ายานอกบัญชียาหลักแห่งชาติได้ตามความจำเป็นและเหตุผลทางการแพทย์ ซึ่งสามารถเบิกได้ทั้งยานอกบัญชีและยาต้นแบบ ภายใต้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราที่กรมบัญชีกลางกำหนด

ทำไมต้องมีการปรับอัตราการเบิกค่ายา?

ตอบ: ปัจจุบันมียาหลายชนิดที่มี ยาสามัญ (GENERIC) และ ยาชีววัตถุคล้ายคลึง (BIOSIMILAR) ออกสู่ตลาด ซึ่งผ่านการรับรองว่ามีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย เทียบเท่า ยาต้นแบบ (ORIGINAL) แต่มีราคาที่ต่ำกว่า ซึ่งการนำมาใช้แทน เป็นการใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่า โดยไม่ลดคุณภาพการดูแล และเป็นไปตามมาตรฐานสากล

การปรับแก้การเบิกค่ายาครั้งนี้ เป็นการลดสิทธิของผู้ป่วยหรือไม่?

ตอบ: ไม่ใช่การลดสิทธิแต่อย่างใด

เป็นการจัดระบบให้เหมาะสมและคุ้มค่า เพื่อให้ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลมีความยั่งยืน ผู้ป่วยยังคงได้รับยาที่มีประสิทธิภาพและมาตรฐาน แต่ในกรณีที่ต้องใช้ยาที่มีราคาสูง จะมีระบบกำกับกับการใช้ยาที่เหมาะสม เช่น ต้องมีข้อบ่งชี้สำคัญที่แพทย์รับรอง

มีความเสี่ยงหรือไม่? ที่ผู้ป่วยจะไม่ได้รับยาที่เหมาะสม

ตอบ: ระบบกำหนดอัตราเบิกและการคัดเลือกยาทั้งหมด อ้างอิงตามหลักฐานทางการแพทย์ (EVIDENCE-BASED MEDICINE) และมาตรฐานแนวทางการรักษาของสมาคมวิชาชีพ ดังนั้น ผู้ป่วยยังได้รับยาที่เหมาะสม ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ เช่นเดิม

การปรับแก้แบบนี้ ประเทศอื่นทำหรือไม่?

ตอบ: ในหลายประเทศ เช่น สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และ สิงคโปร์ มีการปรับระบบการใช้ยาในแนวทางเดียวกัน โดยใช้ยา BIOSIMILAR และ GENERIC เพื่อให้ระบบสุขภาพมีความยั่งยืน ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ยาต้นแบบ (ORIGINAL/ORIGINATOR) ยังสามารถใช้ได้ในกรณีที่แพทย์เห็นสมควร

ดังนั้น การจัดระบบการเบิกค่ายานั้น เพื่อให้เหมาะสมและคุ้มค่า โดยอ้างอิงหลักฐานทางการแพทย์และมาตรฐานสากล ผู้มีสิทธิยังคงได้รับยาที่มีประสิทธิภาพและมาตรฐานเช่นเดิม ทั้งยานอกบัญชีและยาต้นแบบตามความจำเป็น การปรับนี้เพื่อรักษาความยั่งยืนของระบบสวัสดิการ โดยที่ ผู้ป่วยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รับยาที่เหมาะสม

ขอบคุณข้อมูล กรมบัญชีกลาง 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง