แรงงานโอด! ไม่ได้ทำผิด แต่ถูกบังคับให้ออกจากงาน บางคนถูกใส่ร้าย ถูกฟ้องเรียกเงินกว่า 6 ล้านบาท
วันนี้ (1ต.ค.68) ที่อาคารรัฐสภา นายเซีย จำปาทอง รองประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน (กมธ.) คนที่สาม รับเรื่องร้องเรียนจากตัวแทนอดีตพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ถูกเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม ขอให้คณะ กมธ. ตรวจสอบ และเป็นคนกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยปัญหา
เนื่องจากผู้ถูกเลิกจ้าง และพวกจำนวน 7 คน ได้รับความเดือดร้อนอย่างร้ายแรง จากการถูกยกเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งที่ไม่ได้ทำผิดวินัย มิได้ละเมิดข้อบังคับการทำงาน และยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ บางรายถูกบังคับข่มขู่ให้เขียนใบลาออกโดยไม่สมัครใจ บางรายถูกใส่ร้ายโยนความผิด
และ บริษัทยังฟ้องร้องพนักงาน 3 คน เพื่อเรียกค่าเสียหายคนละกว่า 6 ล้านบาท ยิ่งไปกว่านั้น ทนายฝ่ายบริษัทได้แจ้งว่า จะฟ้องร้องพนักงานที่ออกจากบริษัทไปแล้วเกือบ 1 ปี เป็นมูลค่ากว่า 17 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ผิดปกติและสะท้อนถึงการกลั่นแกล้งทางกฎหมาย
นอกจากนี้ บริษัทยังให้ชายฉกรรจ์เข้ามาควบคุมพนักงานเสมือนเป็นผู้กระทำความผิด ทั้งที่พนักงานได้ชี้แจงความจริงแล้วว่า เป็นผู้บริสุทธิ์ ที่ผ่านมาได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงาน แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
อีกทั้ง ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือกรณีว่างงานจากสำนักงานประกันสังคม ซึ่งการมีคดีติดตัว ทำให่ไม่สามารถหางานที่ใหม่ได้ จึงขอให้คณะ กมธ. การแรงงาน ตรวจสอบการปฎิบัติหน้าที่ของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง และขอให้ตรวจสอบการกระทำของบริษัทดังกล่าว เข้าข่ายละเมิดสิทธิแรงงานหรือไม่ และขอให้มีการคุ้มครองสิทธิแรงงานผู้ร้องเรียนให้ได้รับความเป็นธรรมตามกฏหมายต่อไป
ขณะที่ นายเซีย จำปาทอง กล่าวภายหลังรับยื่นหนังสือว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การประชุม กมธ. เพื่อพิจารณาเเละเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงเรื่องสาเหตุในการเลิกจ้างในครั้งนี้ และจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือและเยียวยา และ ขอเป็นกำลังใจให้กับแรงงานที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว
