กลุ่มผู้ประท้วง Gen Z ในประเทศโมร็อกโก บุกสถานีตำรวจพยายามเข้าขโมยอาวุธและกระสุน ถูกเจ้าหน้าที่ยิงดับ 3 คน ซึ่งการประท้วงได้มีขึ้น 6 วันติดต่อกันแล้ว เพื่อเรียกร้องให้มีการศึกษาและการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้น
วันนี้ (3 ต.ค. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สถานการณ์การประท้วงประเทศโมร็อกโก เมื่อวานนี้ (2 ต.ค. 68) ยังคงรุนแรง ซึ่งนับเป็นวันที่ 6 ของการประท้วง โดยการประท้วงเริ่มต้นตั้งแต่วันเสาร์ (27 ก.ย. 68) ที่ผ่านมา โดยมีกลุ่มผู้ประท้วงได้เดินขบวนผ่านย่านใจกลางเมืองคาซาบลังกา พร้อมตะโกนต่อต้านการทุจริต เรียกร้องความยุติธรรมทางสังคม เสรีภาพ และการพัฒนาด้านการศึกษาและการดูแลสุขภาพ
โดยการประท้วงถูกจัดขึ้นโดยกลุ่มเยาวชนที่ก่อตั้งทางออนไลน์ที่เรียกตัวเองว่า “GenZ 212” เพื่อเรียกร้องให้มีการศึกษาและการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้น โดยกลุ่มใช้แพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น ติ๊กต็อก อินสตาแกรม และดิสคอร์ด เพื่อระดมการสนับสนุน ซึ่งจำนวนสมาชิกในเซิร์ฟเวอร์ดิสคอร์ดของกลุ่มได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 3,000 คน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นมากกว่า 13,000 คน ในปัจจุบัน
ตอนแรก ทางการโมร็อกโกได้พยายามปราบปรามการชุมนุม แต่การประท้วงกลับทวีความรุนแรงขึ้นจนขยายเป็นวงกว้าง ขณะนี้มีผู้ถูกจับกุมและได้รับบาดเจ็บหลายร้อยคน มีอาคารถูกรื้อหลายหลัง และรถยนต์ถูกเผาทำลายจำนวนมาก แม้ว่าจำนวนผู้ประท้วงจะไม่มาก แต่การประท้วงกลับรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งนับเป็นสถานการณ์ความไม่สงบบนท้องถนนที่เลวร้ายที่สุดในโมร็อกโก นับตั้งแต่การประท้วงครั้งใหญ่ในภูมิภาคริฟ ทางตอนเหนือของโมร็อกโก เมื่อปี พ.ศ.2559-2560
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของการประท้วง เป็นคืนแรกที่มีรายงานผู้เสียชีวิต โดยได้มีกลุ่มผู้ประท้วง 200 คน โจมตีสถานีตำรวจในเมือง Lqliâa ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องตอบโต้ด้วยการยิงเตือนเป็นอันดับแรก และได้ใช้ก๊าซน้ำตา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ยิงและสังหารเยาวชน 3 คน ที่ถืออาวุธมีด และพยายามเข้าขโมยอาวุธและกระสุน
ทางนายกรัฐมนตรี อะซีซ อะคอนนูช ของโมร็อกโก กล่าวว่า พร้อมเปิดรับการเจรจาเพื่อยุติการประท้วง ขณะที่กองกำลังความมั่นคงกำลังเตรียมการสำหรับการชุมนุมประท้วง ซึ่งได้ลุกลามกลายเป็นจลาจลทั่วประเทศ
