กัมพูชา เรียกร้อง UNESCO และนานาชาติ ปกป้อง “ปราสาทพระวิหาร” อ้างกองทัพไทยทำเสียหาย

กัมพูชา เรียกร้อง UNESCO และนานาชาติ ปกป้อง “ปราสาทพระวิหาร” อ้างกองทัพไทยทำเสียหาย

View icon 387
วันที่ 3 ต.ค. 2568 | 10.36 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
เจ้าหน้าที่กัมพูชา กล่าวในการประชุมของ UNESCO เรียกร้องให้ UNESCO และนานาชาติ ปกป้อง “ปราสาทพระวิหาร” อ้างฝ่ายไทยทั้งยิงปืนใหญ่, ยิงจรวด, ทิ้งระเบิด และใช้เครื่องบินรบ ทำ “ปราสาทพระวิหาร” เสียหาย

วันนี้ (3 ต.ค. 68) สำนักข่าว ขแมร์ ไทมส์ ของกัมพูชา รายงานว่า นายซัวส์ ยารา (Suos Yara) หัวหน้าคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ ความร่วมมือระหว่างประเทศและการสื่อสารของรัฐสภากัมพูชา ได้กล่าวในการประชุมระดับโลกของ UNESCO ว่าด้วยนโยบายทางวัฒนธรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืน ณ เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน

โดยนายซัวส์ ยารา ได้กล่าวอ้างว่า “ปราสาทพระวิหาร” เป็นตัวอย่างที่น่าเศร้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ต้องตกอยู่ภายใต้การคุกคาม จากการยิงถล่มของกองทัพไทย จากความขัดแย้งบริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชา เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมากให้กับ “ปราสาทพระวิหาร” ถึงแม้จะมีอนุสัญญาและสนธิสัญญาระหว่างประเทศเพื่อปกป้อง “ปราสาทพระวิหาร” แต่การละเมิดและการทำลายก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ นับตั้งแต่ “ปราสาทพระวิหาร” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกในปี พ.ศ.2551 ปราสาทแห่งนี้ก็ได้รับความเสียหายหลายครั้งจากการปืนใหญ่, จรวด, การทิ้งระเบิด และเครื่องบินรบที่ถูกห้ามในระดับนานาชาติของไทย ตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างปี 2551-2554 และเมื่อเดือนกรกฎาคม 2568

ทาง นายยารา เรียกร้องให้ UNESCO และนานาชาติ สนับสนุนกระบวนการการบังคับใช้กฎหมาย และให้แน่ใจว่าแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมจะได้รับการปกป้องจากการรุกรานทางทหาร โดยเฉพาะในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง โดยย้ำว่ามรดกทางวัฒนธรรมเป็นของมวลมนุษยชาติ การทำลาย “ปราสาทพระวิหาร” ไม่เพียงแต่เป็นการสูญเสียระดับชาติของกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังเป็นโศกนาฏกรรมในระดับโลกที่บั่นทอนประวัติศาสตร์มนุษยชาติอีกด้วย

นอกจากนี้ ทางกัมพูชาอ้างว่า จากการประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ต่อ “ปราสาทพระวิหาร” ซึ่งเป็นมรดกโลก พบความเสียหายต่อแหล่งมรดก 125 จุด ในบริเวณปราสาท ซึ่งความเสียหายดังกล่าวเกิดจากการโจมตีของโดรนและการโจมตีทางอากาศโดยเครื่องบินรบของไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งความเสียหายนั้นรุนแรงกว่าในช่วงความขัดแย้งชายแดนปี พ.ศ. 2551-2554

ขณะที่นายหยาง เพออู เลขาธิการราชวิทยาลัยกัมพูชา ได้กล่าวสนับสนุนคำกล่าวของ นายซัว ยารา ว่า “ปราสาทพระวิหาร” ไม่เพียงแต่เป็นโบราณสถานของกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังเป็นมรดกโลกของ UNESCO อีกด้วย การเรียกร้องของกัมพูชานั้นมีเหตุผลอันสมควร เนื่องจากมีเป้าหมายเพื่อดึงความสนใจจากนานาชาติ ให้เห็นถึงเจตนาของทหารไทยที่ใช้ปืนใหญ่และการโจมตีทางอากาศทำลายมรดกทางวัฒนธรรม