“ชัชชาติ” สั่งทุบตึก สน.สามเสน วันนี้ อาคารเกิดเสี่ยงทรุดตัว

เจ้าหน้าที่พบดินที่เสาเข็มของอาคาร สน.สามเสน ไหลเพิ่มต่อเนื่อง ทำให้อาคารเกิดเสี่ยงทรุดตัว ล่าสุด ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สั่งรื้อ ทุบอาคารทิ้งวันนี้ เพื่อความปลอดภัย

วันนี้ (4 ต.ค. 68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้แถลง ณ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์หลุมยุบ เขตดุสิต กรุงเทพฯ โดยได้กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีหลุมยุบนถนนสามเสน หลังจากมีการประเมินพบว่าตึก อาคาร สน.สามเสน มีความเสี่ยงจะทรุดตัว และไม่ปลอดภัย

โดย นายชัชชาติ ระบุว่า จากการตรวจสอบด้านเทคนิค และด้านวิศวกรรม หลังจากมีการถมทรายลงไป 3,000 ลูกบาศก์เมตร และลงเสาเข็มไปเพิ่มบางส่วน แต่ยังพบว่ายังมีดินไหลตัวลงเพิ่ม ทำให้เสาต้นที่ 3 ของ สน.สามเสน จึงจำเป็นต้องรื้อถอนอาคารออก เพื่อลดอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่ และเพื่อความปลอดภัยในการทำงาน โดยต้องรื้อถอนตัวอาคารบางส่วนออก

ส่วนขั้นตอนในวันนี้ ก่อนจะมีการรื้อตัวอาคารได้ให้เอารถที่ยังอยู่ในพื้นที่ สน. ออกทั้งหมด โดยจะเจาะกำแพงด้านหลังแล้วจึงย้ายรถออกไป
ต่อมาในช่วงบ่าย จะให้ผู้รับเหมาและ รฟม.เข้าทำการรื้ออาคารทันที และเสริมความมั่นคงบริเวณดินด้านซ้ายมือของตัวอาคารไม่ให้ดินไหลและทรุดตัวเพิ่ม เพื่อเสริมความแข็งแรงของอุโมงค์ด้านล่าง ซึ่ง รฟม.จะเป็นผู้ดำเนินการอยู่ใต้ดิน
นอกจากนี้จะมีการตรวจสอบติดตามอาคารข้าง ๆ สน.สามเสน และประเมินอาคารมีความปลอดภัยหรือไม่ และตรวจสอบอาคารโรงพยาบาลวชิรพยาบาลอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าปัจจุบัน จะไม่มีการขยับของทั้ง 2 อาคาร

โดยจะดำเนินการรื้อถอนอาคาร และให้เจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติการได้เลยในช่วงบ่ายวันนี้ และเป็นการทยอยรื้ออาคารฝั่งทางขวาสุดก่อน และบริเวณด้านหน้าอาคาร โดยจะใช้ระบบแขนหุ่นยนต์เข้าไปตัดแล้วก็ยกขึ้นรถเทรลเลอร์ออกไป โดยไม่ให้มีวัสดุตกลงไปกองหรือทับลงไปในบ่อ โดยจะเน้นความปลอดภัย ดูเรื่องความมั่นคงของอาคารและถนนเป็นหลัก ส่วนการจราจรบนถนนสามเสน อาจจะขยับเลื่อนให้เปิดใช้บริการจากเดิมวันที่ 9 ตุลาคมนี้ จะเลื่อนออกไปเล็กน้อย

ส่วนการตรวจสอบสาเหตุ “หลุมยุบ” ตอนนี้ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุได้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการรื้อ และเปิดถนนตรวจสอบบริเวณใต้ดิน ซึ่งยังต้องให้ผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ ด้าน มาร่วมพิจารณาร่วมกัน โดยต้องเก็บข้อมูลอย่างละเอียด

ส่วนในเรื่องของผู้รับผิดชอบความเสียหายของตึกอาคาร สน.สามเสน มูลค่ากว่า 40 ล้านบาทนั้น ยังต้องสรุปกันอีกครั้งว่า บ.ผู้รับจ้างหรือ รฟม. ที่จะต้องรับผิดชอบ