ภาพดาวเทียม เผย 18 จังหวัด เผชิญน้ำท่วม

View icon 77
วันที่ 7 ต.ค. 2568 | 11.06 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง
แชร์
ห้องข่าวภาคเที่ยง - พายุแมตโม สลายตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว หลังขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน แต่ยังทำให้เกิดอิทธิพลทางอ้อมต่อไทย ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ ยันว่า น้ำท่วมปีนี้ จะไม่แรงเท่าปี 54

กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนให้ระวังฝนตกหนักวันนี้ 7 ตุลาคม ที่จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ เพชรบูรณ์ หนองคาย บึงกาฬ และ สกลนคร สิ่งที่ต้องเฝ้าระวัง คือ ปริมาณน้ำฝน จะไหลสมทบตามเส้นทางน้ำหลาก พื้นที่ท้ายจังหวัดดังกล่าว ยังวางใจน้ำท่วมไม่ได้

ขณะที่ จิสด้า เผยภาพถ่ายดาวเทียม ของวันที่ 6 ตุลาคม พบว่าบางส่วนของจังหวัดพิจิตร นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ ลพบุรี อ่างทอง ชัยนาท สุพรรณบุรี สระบุรี ปราจีนบุรี อุตรดิตถ์ สิงห์บุรี อุทัยธานี นครปฐม ฉะเชิงเทรา และ นครราชสีมา รวม 18 จังหวัด ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังทั้งสิ้น 2,319,848 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่การเกษตร พื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำสายหลักและสายรอง รวมถึงชุมชนที่อยู่อาศัยและเส้นทางคมนาคมบางส่วน

เทียบกันชัด ๆ ปริมาณน้ำปี 2554 กับปี 2568 ผ่านมา 14 ปี เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ยังอยู่ในความทรงจำผู้ประสบภัยทุกคน ภาพถ่ายดาวเทียมจากจิสด้า แสดงให้เห็นว่า กันยายน ปี 2554 ปริมาณน้ำท่วมกินพื้นที่เยอะกว่า ปี 2568 ซึ่งปัจจุบัน ปริมาณน้ำท่วมกินพื้นที่ 18 จังหวัด เสียหายรวม 2,319,848 ไร่ ส่วนปี 2554 โดนเกือบหมด ยกเว้นภาคใต้ เสียหายรวม 15,996,150 ไร่ ดังนั้น สถานการณ์น้ำท่วมหากเทียบกันแล้ว ความเสียหายยังต่างกันอยู่เยอะ

อาจารย์ชวลิต จันทรรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ จากทีมกรุ๊ป เผยว่า สถานการณ์น้ำปีนี้ จะไม่เหมือนปี 2554 แต่ในบางพื้นที่ก็ยังวางใจไม่ได้ โดยเฉพาะบริเวณที่เคยเป็นทุ่งรับน้ำ แล้วแปรเปลี่ยนมาเป็นที่อยู่อาศัย จะได้รับผลกระทบ

อาจารย์ชวลิต ยืนยัน พื้นที่ ที่อยู่ในคันกั้นน้ำ จะไม่ได้รับผลกระทบที่รุนแรง ดังนั้น ต้องหมั่นตรวจสอบคันกั้นน้ำให้ดี หากชำรุด รั่วซึมต้องแก้ไข เพื่อไม่ให้สถานการณ์ซ้ำรอยปี 2554 ที่เจอน้ำกว่า 10,000 ล้านลูกบาศก์เมตร พังคันกั้นน้ำไป 22 จุด

สำหรับปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพรยะยา พบว่าที่เขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำมากถึง 89 เปอร์เซ็นต์ เขื่อนสิริกิติ์ 96 เปอร์เซ็นต์

เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน 100 เปอร์เซ็นต์ และเขื่อนป่าสักฯ 73 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอาจารย์ชวลิต ก็ได้กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ฝนจะซาแล้ว ปริมาณที่น้ำจะไหลผ่านพื้นที่ลุ่มภาคกลาง อัตราสูงสุดจะอยู่ที่ 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ต่างจากปี 54 ที่มีอัตราการไหลผ่านของน้ำ เกิน 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ล่าสุด กรมชลประทานปรับลดการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา จากอัตรา 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ติดต่อมา 4 วัน ลงมาอัตรา 2,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ระดับน้ำท้ายน้ำลดลงราว 20-25 เซนติเมตร แต่ก็พร้อมปรับเพิ่มทันทีหากมีฝนตกหนัก โดยจำกัดไม่เกิน 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง