ครม.ไฟเขียว คนละครึ่งพลัส เริ่มใช้ 29 ต.ค.

View icon 74
วันที่ 7 ต.ค. 2568 | 16.02 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ไฟเขียว เห็นชอบโครงการ "คนละครึ่งพลัส" เริ่มใช้จ่ายวันที่ 29 ตุลาคมนี้ แต่ย้ำว่าผู้ได้สิทธิต้องเปิดใช้สิทธิครั้งแรก ก่อนวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ ไม่เช่นนั้นถูกตัดสิทธิ์ทันที

ครม.ไฟเขียว คนละครึ่งพลัส เริ่มใช้ 29 ต.ค.
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำทีมแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรการ "คนละครึ่งพลัส" เพื่อช่วยประชาชน 20 ล้านสิทธิ

ไทม์ไลน์โครงการ "คนละครึ่งพลัส" วันที่ 15 ตุลาคม - 19 ธันวาคมนี้ เปิดให้ร้านค้าใหม่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ผ่านแอปฯ ถุงเงิน ส่วนร้านค้าที่เคยลงทะเบียนไว้แล้ว ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่

วันที่ 20-26 ตุลาคมนี้ เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ผ่านแอปฯ เป๋าตัง เวลา 06.00-22.00 น. ของทุกวัน

วันที่ 29 ตุลาคม - 31 ธันวาคมนี้ เริ่มใช้สิทธิ โครงการคนละครึ่งพลัส เวลา 06.00-23.00 น. ของทุกวัน

วันที่ 7 พฤศจิกายน เริ่มใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งพลัส ฟูดดิลิเวอรีวันแรก ตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น.ของทุกวัน จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568

และวันที่ 11 พฤศจิกายน ต้องใช้สิทธิครั้งแรก ภายในเวลา 23.00 น. เพื่อไม่ให้โดนตัดสิทธิ

โดยคนในระบบภาษีจะได้เงิน 2,400 บาท ส่วนคนทั่วไปจะได้ 2,000 บาท ใช้จ่ายใน 2 เดือน (พ.ย.-ธ.ค.) และใช้จ่ายสูงสุดไม่เกิน 200 บาทต่อวัน

ส่วนผู้ไม่มีสมาร์ตโฟน และไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นั้น นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง บอกว่า กลุ่มคนที่ไม่มีสมาร์ตโฟน ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่แล้ว ทำให้ครอบคลุมทั้งหมด โดยคนที่มีสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะไม่ได้สิทธิ์คนละครึ่งพลัส

สำหรับงบประมาณจะใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท และใช้งบกลางอีก 19,000 ล้านบาท รวมเป็น 44,000 ล้านบาท คาดว่าจะช่วยกระตุ้น GDP 0.3-0.4%

"ภราดร" แจงปมโยกงบกลางใช้ "คนละครึ่งพลัส"
ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงความเหมาะสมในการดึงงบกลางมาใช้ ทั้งที่ควรจะใช้กรณีจำเป็นเร่งด่วน

นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงบประมาณ ชี้แจงว่ารัฐบาลชุดก่อนตั้งงบกลางไว้ทั้งหมด 99,000 ล้านบาท เป็นงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท

แต่งบโครงการคนละครึ่ง 44,000 ล้านบาท ทำให้ยังขาดอยู่อีก 19,000 ล้านบาท จึงต้องไปหยิบมาจากงบกลาง ซึ่งงบกลางเขียนไว้ชัดเจนว่า สามารถใช้ได้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน