จับครอบครัวเก็บของเก่าเสพยากันทั้งบ้าน ก่อนขยายผลจับกุมพ่อค้ายา ได้อีก 2 คน
นายธรรศ ศรีดุษฎี ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดสุพรรณบุรี นำกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารโดย ร.อ.คเณศ ลาภหลาย และกำลังทหาร ออกตรวจสอบพื้นที่ตำบลสวนแตง ตำบลศาลาขาว และตำบลดอนโพธิ์ทอง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี หลังได้รับแจ้งว่ามีการมั่วสุมเสพยา และลักลอบขายยาเสพติดมีทั้งผู้ขายผู้เสพจำนวนมาก หลลังพบว่ามีการแพร่ระบาดของยาเสพติดจริงจึงวางแผนเข้าจับกุม
จุดแรกเมื่อเวลา 23.50 น.วันที่ 7 ตุลาคม 2568 กำลังเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านไม่มีเลขที่หลังหนึ่งซึ่งเจ้าของมีอาชีพเก็บของเก่าขายอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลสวนแตง พบคนในบ้านกำลังเสพยาบ้าอยู่ในมุ้ง รวม 5 คน พร้อมอุปกรณ์การเสพยาจำนวนมาก สอบถามทราบว่า เป็นคนในครอบครัวแม่ ลูก ลูกเขย และลุง ซื้อยาบ้ามาจากนายเลิศศักดิ์ อายุ 30 ปี หรือ เบนซ์ สวนแตง
ปรากฏว่าขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจค้นอยู่ในบ้าน เบนซ์ สวนแตง ได้ขี่รถจักรยานยนต์ เข้ามาพอดี เจ้าหน้าที่จึงวิ่งเข้าชาร์จทันที เบนซ์ สวนแตง ตกใจหน้าซีดยอมทำตามคำสั่งเจ้าหน้าที่อย่างง่ายดาย ขณะที่กำลังนั่งลงกับพื้น ได้ทิ้งยาบ้าที่อยู่ในซองพลาสติกใสลงกับพื้น จำนวน 50 เม็ด
เบนซ์ สวนแตง ให้การรับสารภาพว่ายาบ้าดังกล่าวซื้อมาจากนายไกรสร อายุ 40 ปี หรือก้อย สวนแตง จำนวน 50 เม็ดราคา 600 บาท กำลังจะเอามาขายต่อลูกค้าราคาเม็ดละ 20 บาท แต่โชคไม่ดีถูกจับ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาจำหน่ายโดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าโดยผิดกฎหมาย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เดินทางไปทำการจับกุม ก้อย สวนแตง ที่บ้านพัก ในพื้นที่หมู่ 8 ตำบลสวนแตง เจ้าตัว รับสารภาพว่าขายยาบ้าให้เบนซ์ สวนแตง จริงและยังมียาบ้าเหลืออยู่ในห้องนอนอีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงให้นำชี้จุดที่ซ่อนยาบ้าซึ่งอยู่ในตู้เสื้อผ้า และให้หยิบออกมานับพบว่ามียาบ้ารวม 3 ถุง จำนวน 220 เม็ด
ก้อย สวนแตง ให้การรับสารภาพตนเพิ่งจะขายยาบ้าได้ไม่นานเนื่องจากตนป่วยเป็นโรคหัวใจ เป็นโรคเกาต์ ทำงานหนักไม่ได้ และตนก็ถูกจับข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น และถูกจับคดีครอบครองยาเสพติด คีตามีน อยู่ระหว่างอุทธรณ์ขอลดโทษ ทำให้ไม่มีรายได้จึงหันมาขายาบ้าแต่ตนไม่เสพ โดยซื้อยาบ้ามาจากเอเย่นต์รายหนึ่งในตำบลศาลาขาว จำนวน 3 ถุง ถุงละ 1,450 บาท แล้วนำมาขายต่อเม็ดละ 20 บาท จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางมาขยายผลต่อ ณ ที่ทำการปกครองจังหวัดสุพรรณบุรี และนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ส่วนผู้เสพทั้งหมดได้ถ่ายภาพทำประวัติรอเข้ารับการบำบัดตามขั้นตอน ซึ่งมีบางคนเคยเข้ารับการบำบัดมาแล้วแต่ไม่ยอมเลิก
