ห้องข่าวภาคเที่ยง - ตำรวจยังคงรวบรวมเบาะแสพยานหลักฐาน คดีการหายตัวไปของ นางสาวเก๋ เพื่อหาคำตอบให้ได้ว่า ใครเป็นคนทำให้เธอเสียชีวิต พร้อม ๆ กับที่ต้องคลี่คลายเพิ่มอีกประเด็นว่า "อดีตแฟน" ของนางสาวเก๋ ทำไมถึงต้องฆ่าตัวตาย
นี่เป็นความเห็นของ นายประเสริฐ พ่อของนายประพันธ์ อดีตแฟนของนางสาวเก๋ ที่เป็นหนึ่งในพยานต้องสงสัยของตำรวจ ที่เปิดใจพูดถึงความสัมพันธ์ของทั้ง 2 คน ซึ่งเชื่อว่าลูกชายไม่ได้เป็นคนทำ และลูกชายก็ไม่ใช่คนสุดท้ายที่อยู่กับ นางสาวเก๋
ซึ่งข้อมูลที่คุณพิธพงษ์ ได้จากการพูดคุยกับ นายประเสริฐ และพูดคุยกับพนักงานสอบสวนในคดีนี้ ทำให้พบไทม์ไลน์ความสัมพันธ์ เริ่มจากตัว นายประพันธ์ อดีตเคยคบหากับ นางสาวเก๋ ตั้งแต่ช่วงที่เธอยังเรียนระดับมหาวิทยาลัย
จนปี 2556 นางสาวเก๋ เรียนจบ ก็เข้าทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่ง ในอำเภอแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี แต่ทำงานได้ถึงแค่เดือนเมษายนก็ลาออก แล้วเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดบุรีรัมย์ ก่อนที่ 1 เดือนต่อมา จะกลับไปหางานทำใหม่ ระหว่างนั้น นายประพันธ์ ไปเจอ นางสาวเก๋ อยู่กับชายคนอื่น จึงเกิดการทะเลาะ และเลิกรากัน
ในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน จุดนี้ที่มีคำให้การขัดแย้งกัน ที่ชัดเจนคือ นางสาวเก๋ เรียกให้เพื่อนขี่รถจักรยานยนต์พาเธอเดินทางจากที่พัก ไปส่งริมถนนมอเตอร์เวย์ จากนั้นมีรถกระบะตู้ทึบสีน้ำเงินมารับ ส่วนจุดที่ขัดแย้งกัน คือตรงที่ พ่อบอกว่า แฟนใหม่ของนางสาวเก๋ มาหาเรื่องทะเลาะกับ นายประพันธ์ ที่บ้าน แต่อีกข้อมูลบอกว่า นางสาวเก๋ ก็ตามมาด้วย แล้ว นายประพันธ์ ก็เป็นคนพา นางสาวเก๋ ขี่รถจักรยานยนต์ไปด้วยกัน คำให้การขัดแย้งจุดนี้
ต่อมาเดือนเมษายนปีที่แล้ว มีชาวบ้านไปเผาที่รกร้างหาหนูนา เจอโครงกระดูกปริศนา แล้วต่อมาเทียบ DNA เดือนกันยายนปีนี้ ถึงพบว่าเป็นศพของ นางสาวเก๋ ตำรวจจึงมุ่งเป้าเรียกตัว นายประพันธ์ ไปซักถามทันที
ทาง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยัน นายประพันธ์ ยังคงเป็นเพียงผู้ต้องสงสัย ยังไม่ได้แจ้งข้อหา หรือดำเนินคดี ยังมีอีกอย่างน้อย 1-2 คน ที่ตำรวจต้องติดตามตัวมาซักถาม ยอมรับคดีนี้ค่อนข้างยาก เพราะพยานหลักฐานเสียหายไปมาก และระยะเวลาก็ค่อนข้างนาน แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่มีเบาะแสในการสืบสวนหาข้อเท็จจริง