วันนี้ (8 ต.ค. 68) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ผ่านมา พ.ต.ต.ชาญณรงค์ สันซัง สว.(สอบสวน) สภ.เขาชัยสน พร้อมตำรวจชุดสืบสวน เข้าตรวจสอบเหตุทำร้ายร่างกายรุนแรงภายในขนำหน้าบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 5 ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง หลังได้รับแจ้งมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกฟันด้วยมีดพร้า โดยที่เกิดเหตุพบเพียงกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ คือ นายวิโรจน์ อายุ 70 ปี เจ้าของบ้าน ถูกนำส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้า
จากการตรวจสอบพบว่า นายวิโรจน์ถูกฟันด้วยมีดพร้าที่มือขวาจนนิ้วกลางขาด และยังมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ อาการสาหัส ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นายเขียว อายุ 73 ปี ซึ่งเป็นพี่ภรรยาของผู้บาดเจ็บ และบ้านอยู่ห่างกันเพียง 100 เมตร ก่อนเกิดเหตุ นายวิโรจน์ กำลังนอนพักอยู่บนแคร่หน้าขนำ ขณะที่คนในบ้านออกไปเที่ยวงานชักพระที่ อ.บางแก้ว จู่ ๆ นายเขียว ซึ่งอยู่ในอาการเมาสุรา เดินถือพร้ามาโดยไม่พูดไม่จา แล้วฟันน้องเขย 3 ครั้งซ้อน ญาติที่อยู่ใกล้เคียงเห็นเหตุการณ์รีบเข้าห้าม และโทรแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ชีพนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล ขณะที่ นายเขียว เดินกลับบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ด้าน นางมะลิ อายุ 54 ปี น้องภรรยาของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า นายเขียวดื่มเหล้าเมาทุกวัน มักชอบด่าคนในบ้านจนไม่มีใครอยากยุ่งด้วย ก่อนเกิดเหตุเห็นถือพร้าออกจากบ้าน คิดว่าไปฟันไม้ แต่ไม่นานก็กลับมาบอกว่า “ไปฟันวิโรจน์แล้ว” ซึ่งทั้งสองไม่ค่อยถูกกันอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่ทราบสาเหตุขัดแย้งที่แท้จริง
ขณะที่ นางปิ่น อายุ 84 ปี พี่สาวของคนก่อเหตุ บอกว่า จังหวะเกิดเหตุนั่งอยู่ที่แคร่หน้าบ้านของตน พร้อมด้วยญาติ ประมาณ 4 คน ซึ่งอยู่ติดกับบ้านของ นายวิโรจน์ จู่ ๆ เห็นนายเขียวใช้มีดพร้าฟันนายวิโรจน์ ก็พากันวิ่งไปห้ามปราม ซึ่งปกติทั้งสองคนไม่ถูกกันอยู่แล้ว ส่วนนายเขียวคนก่อเหตุ เมาทั้งวันทั้งคืน จนเป็นที่เอือมระอาของญาติ ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาก่อเหตุเช่นนี้
ต่อมาตำรวจ สภ.เขาชัยสน ได้ไปตรวจสอบที่บ้านของ นายเขียว พบเจ้าตัวนั่งรออยู่หน้าขนำ เมื่อเห็นตำรวจ นายเขียวกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ผมรออยู่แล้ว ขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เพราะรู้ว่าต้องติดคุก” ก่อนพาเจ้าหน้าที่ไปชี้จุดซ่อนมีดพร้าที่ใช้ก่อเหตุ พร้อมบอกว่าเป็นอดีตทหารพราน และเป็นคนลงมือจริง แต่ไม่ยอมเปิดเผยสาเหตุ โดยระบุเพียงว่า “ไม่ถูกกัน” จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหา “พยายามฆ่า”
ล่าสุดเมื่อเวลา 17.20 น. มีรายงานว่า ผู้บาดเจ็บเสียชีวิตแล้วขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยพนักงานสอบสวนจะแก้แจ้งข้อกล่าวหาเป็น "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" ต่อไป