นายกฯ ยันมีแผนรับมือกัมพูชา 10 ต.ค.

View icon 42
วันที่ 8 ต.ค. 2568 | 20.01 น.
ข่าวภาคค่ำ
แชร์
ข่าวภาคค่ำ - นายกรัฐมนตรี ย้ำชัดหากชาวกัมพูชาบุกรุกพื้นที่ไทย จะใช้กฎหมายปราบปราม ส่วนแนวทางทำงานในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ มีแผนรองรับไว้แล้ว

ใกล้ครบกำหนดวันที่ 10 ตุลาคม ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กำหนดให้ชาวกัมพูชาต้องออกจากพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว แต่ปัจจุบันชาวกัมพูชายังคงไม่อพยพออกจากพื้นที่ และตลอดทั้งวันนี้ยังคงนำชาวบ้าน ทั้งเด็ก และผู้หญิง มานั่งประชิดแนวรั้วลวดหนามชายแดนอย่างต่อเนื่ือง

ส่วนข้อกังวลว่า ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ ประเทศกัมพูชา จะขนคนเข้ามาเติมในพื้นที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว เพิ่มเติมนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ย้ำว่า มีกฎหมาย และประชุมเตรียมแผนรับมือไว้แล้ว ยืนยันว่า จะไม่มีวันยอมให้ใครมารุกล้ำธิปไตยของประเทศไทย

ช่วงเย็นที่ผ่านมา นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เดินทางเข้ามาที่ศาลาประชาคมบ้านหนองจาน พร้อมด้วย พันเอก ชัยณรงค์ กาสี ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ กองกำลังบูรพา ร่วมโต๊ะกินข้าวกับชาวบ้าน เพื่อพูดคุย และสร้างความเข้าใจ ก่อนถึงเส้นตาย 10 ตุลาคมนี้ ที่ต้องผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่

ระหว่างที่ล้อมวงกินข้าว ได้คุยกันในประเด็นที่นายกฯ อนุทิน ไฟเขียวให้ผู้ว่าฯ และทหารตัดสินใจ ดำเนินการผลักดันชาวกัมพูชาที่รุกล้ำได้ตามกฎหมาย โดยมีชาวบ้านถามผู้ว่าฯ สระแก้วว่า จะไม่ยอมเสียดินแดนใช่หรือไม่ ? ทางผู้ว่าฯ ตอบกลับทันที "ใครจะยอมเสียดินแดน"

จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า ตอนนี้ปัญหาบ้านหนองจาน หนองหญ้าแก้ว ไม่ใช่ระดับจังหวัดแล้ว ถูกยกไปเป็นปัญหาระดับชาติแล้ว และคิดว่าวันที่ 10 ตุลาคมนี้ กัมพูชาจะนำคณะ IOT เข้ามาสังเกตการณ์

ขอย้ำว่าการที่เราขีดเส้นวันที่ 10 ตุลาคม ไม่ได้หมายความว่าเราต้องลงไม้ลงมือ แต่วันที่ 10 ตุลาคม หมายถึงหมดเวลาที่จะต้องคุยกับกัมพูชา และทางกองทัพก็หมดเวลาเช่นเดียวกัน ซึ่งหลังจากวันที่ 10 ตุลาคม เราจะทำอะไรก็เรื่องของเราแล้ว เพราะเราได้แจ้งเตือนไปแล้ว ก่อนที่จะกินข้าวร่วมกันอย่างชื่นมื่น

ส่วนความคืบหน้าการสร้างถนน บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ใกล้กับด่านบ้านแหลมนั้น พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ต้องขอบคุณประชาชนที่ช่วยทางราชการสร้างถนนเสร็จไปแล้ว 13 กิโลเมตร จากทั้งหมด 15 กิโลเมตร คาดว่า จะแล้วเสร็จภายในเดือนนี้ ทำให้ทหารใช้ถนนเส้นนี้ในการเคลื่อนกำลังพลทางยุทธวิธีได้

ส่วนการรุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย ทั้งการขุดคูเลต สิ่งปลูกสร้าง ฐานที่มั่นนั้น ทางทหารได้รื้อถอนออกไปแล้ว สิ่งที่ พลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กำชับให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง คือ ต้องการให้สิ่งที่รุกล้ำทั้งหมดออกจากพื้นที่เส้นปฏิบัติการบนแผ่นดินไทย

ส่วนการติดตั้งรั้วบริเวณแนวชายแดน ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ลงพื้นที่บริเวณหลักเขตที่ 52 ถึง 58 คาดว่า จะเป็นจุดแรกที่จะมีการสร้างรั้วได้ เพราะทั้งสองฝ่ายยินยอมและมีปัญหาน้อยที่สุด

โฆษกกองทัพเรือ ยืนยันว่า กองทัพเรือจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการปกป้องอธิปไตย และจะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว

ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาประจำวันว่า ตรวจพบโดรนบริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย 2 ลำ ตรวจพบรถบรรทุก 6 ล้อ บรรทุกทรายเต็มคัน คาดว่า เป็นการนำส่งฐานปฏิบัติการปรับปรุงที่มั่น ตรวจพบกลุ่มควันสีขาวจับตัวเป็นก้อน 3 จุด คาดว่าเป็นการอุ่นเครื่องรถถังอยู่กับที่

และได้ยินเสียงเลื่อยยนต์จากฝั่งตรงข้าม บริเวณหน้าบังเกอร์ระยะห่างออกไป 80 เมตร ทางทิศตะวันตกของปราสาทตาเมือน คาดว่า เป็นการเสริมการตั้งรับและขยายแนวสังเกตการณ์ และเตรียมเส้นทางยุทธวิธี

ขอบคุณภาพจาก : Facebook มังกรซ่อนตัว