ไม่เบี้ยวหนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะ สปสช. โอนวันนี้เงินค่าบริการรอบล่าสุด 36 ล้าน

ไม่เบี้ยวหนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะ สปสช. โอนวันนี้เงินค่าบริการรอบล่าสุด 36 ล้าน

View icon 2.0K
วันที่ 9 ต.ค. 2568 | 17.22 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
สปสช. ย้ำไม่ได้เบี้ยวหนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะ ยืนยันดำเนินการทุกอย่างภายใต้กฎหมาย จ่ายเงินให้ รพ. ตามรอบการจ่าย โอนวันนี้เงินค่าบริการรอบล่าสุด 36.7 ล้านบาท ให้ รพ.มงกุฎวัฒนะ

วันนี้ (9 ต.ค.68) ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะโฆษก สปสช. ชี้แจงและขอยืนยัน ว่า ไม่ได้มีการเบี้ยวหนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะ การดำเนินการของ สปสช.นั้น เป็นไปตามกฎหมายในการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่ต้องยึดหลักเกณฑ์ประกาศการจ่ายและมติคณะกรรมการทุกขั้นตอน  ทั้งนี้ เพื่อให้สังคมได้รับทราบข้อเท็จจริง และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสาธารณะ สปสช.จึงขอนำเสนอข้อมูลการเบิกจ่ายเงินของ รพ.มงกุฎวัฒนะ ว่าในแต่ละปีงบประมาณ มีการจ่ายเงินและดำเนินการอย่างไรบ้าง

ปีงบประมาณ 2563 ที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ระบุว่ามีจำนวน 13.2 ล้านบาทนั้น เป็นค้างชำระจากคลินิกชุมชนอบอุ่น ซึ่ง รพ.มงกุฎวัฒนะ เป็นโรงพยาบาลรับส่งต่อให้คลินิกดังกล่าว แต่คลินิกถูก สปสช. ยกเลิกสัญญา จากสาเหตุการเบิกจ่ายงบประมาณไม่ถูกต้อง เมื่อปี 2563 จึงทำให้คลินิกสิ้นสภาพการเป็นหน่วยบริการคู่สัญญากับ สปสช. และไม่ได้รับงบเหมาจ่ายรายหัวที่ สปสช.จัดสรรอีก จึงทำให้ไม่มีเงินรายรับสำหรับการหักเพื่อจ่ายกรณีส่งต่อผู้ป่วยได้ ซึ่งมีโรงพยาบาลที่รับส่งต่อจำนวนหนึ่งประสบกับเหตุการณ์ในกรณีนี้เช่นเดียวกัน

ในกรณีนี้ มติบอร์ด สปสช. เมื่อวันที่ 5 ก.ค.64 ได้ยืนยันชัดเจนว่า สปสช.ไม่มีอำนาจและไม่สามารถนำเงินกองทุนไปจ่ายแทนคลินิกเอกชนที่พ้นสภาพแล้ว เนื่องจากผิดหลักเกณฑ์และไม่มีกฎหมายรองรับ อย่างไรก็ตาม สปสช.ได้ดำเนินการ Clearing house เพื่อตามเงินจากคลินิกที่ยังสามารถชำระได้ และโอนให้โรงพยาบาลเป็นรอบ ๆ รวม 5 ครั้ง ทาง รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้เงินกลับคืนมาแล้ว 4.29 ล้านบาท คงเหลือ 8.92 ล้านบาท
ปีงบประมาณ 2566 สปสช. ได้จ่ายเงินให้ รพ.มงกุฎวัฒนะ ไปแล้วจำนวน 638.55 ล้านบาท ณ วันที่ 30 ก.ย.66 (ซึ่งเป็นรายรับเงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) และได้รับเพิ่มอีกจำนวน 2.1 ล้านบาท เนื่องจากในปีงบประมาณ 2566 ในพื้นที่ กทม. หน่วยบริการมีการตรวจสอบกันเอง ผลการตรวจสอบพบทั้งการจ่ายเพิ่มและถูกเรียกเงินคืน ในส่วนของ รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้รับเงินเพิ่ม

ปีงบประมาณ 2567 สปสช. ได้จ่ายเงินให้ รพ.มงกุฎวัฒนะ ไปแล้วจำนวน 651.46 ล้านบาท ณ วันที่ 30 ก.ย.67 (ซึ่งเป็นรายรับเงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) โดย สปสช. จ่ายชดเชยค่าบริการสาธารณสุขให้ รพ.มงกุฎวัฒนะ ตามรอบการจ่าย อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.67 พบว่างบประมาณในรูปแบบงบประมาณปลายปิด อาจจะไม่เพียงพอ คณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพเขต หรือ อปสข. เขต 13 กทม. จึงมีมติให้จ่ายในรูปแบบ Point System หรือการคำนวณตามคะแนนบริการ และให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่ 1 ต.ค.67 จึงต้องมีการคำนวณใหม่ และประกอบกับมีการตรวจสอบกันเองของหน่วยบริการ ผลการคำนวณและตรวจสอบกันเองพบว่า รพ.มงกุฎวัฒนะ ต้องถูกเรียกเงินคืน 16 ล้านบาท หลังหักยอดเงินพึงได้ของ รพ.มงกุฎวัฒนะ จำนวน 22 ล้านบาท

ปีงบประมาณ 2568 สปสช. ได้จ่ายเงินให้ รพ.มงกุฎวัฒนะ ไปแล้วจำนวน 618.754 ล้านบาท ณ วันที่ 14 ก.ย.68 (ซึ่งเป็นรายรับเงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ที่ยังค้างจ่ายในช่วงของการบริการวันที่ 16-30 ก.ย.68 มีดังนี้

1.เงิน CR กลางของประเทศ หรือบริการกรณีเฉพาะ จำนวน 7.87 ล้านบาท
2.เงิน OP REFER หรือการส่งต่อผู้ป่วยนอก จำนวน 3.1 ล้านบาท
3.เงิน OP CAP หรือเงินเหมาจ่ายรายหัวผู้ป่วยนอก จำนวน 4.2 ล้านบาท
4.เงิน OP CR หรือเงินผู้ป่วยนอกที่เป็นบริการกรณีเฉพาะ 5 รายการในพื้นที่ กทม. จำนวน 2.95 ล้านบาท
5.เงินผู้ป่วยใน (IP) จำนวน 49.63 ล้านบาท
รวมเป็นเงิน 67.75 ล้านบาท

จากตัวเลขดังกล่าว เมื่อลบกับที่ต้องเรียกคืนในปี 2567 จำนวน 16 ล้านบาท และมีกรณีที่ สปสช. ได้จ่ายล่วงหน้าให้ รพ.มงกุฎวัฒนะไปแล้ว 70 ล้านบาท ซึ่งหักคืนได้แล้ว 55 ล้านบาท เท่ากับคงเหลือ 15 ล้านบาทที่ต้องเรียกคืน รวมเป็นเงิน 31 ล้านบาท ดังนั้นจึงเป็นเงินที่ สปสช. ต้องจ่ายให้ รพ.มงกุฎวัฒนะ จำนวนเงิน 36.75 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประมวลผลข้อมูลและจะจ่ายให้ รพ.มงกุฎวัฒนะภายในวันนี้ (9 ต.ค.68)

ทพ.อรรถพร กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ประกาศว่าตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.68 เป็นต้นไป จะหยุดให้บริการผู้ป่วยนอกแก่ประชาชนที่ลงทะเบียนกับ รพ.มงกุฎวัฒนะนั้น สปสช. ขอชี้แจงว่า ปัจจุบันมีประชาชนที่ลงทะเบียนเลือก รพ.มงกุฎวัฒนะ เป็นหน่วยบริการประจำ จำนวนประมาณ 47,000 คน สปสช. จะตั้งศูนย์ช่วยเหลือและรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ ใกล้กับ รพ. เพื่อเตรียมช่วยเหลือดูแลผู้ป่วย และได้ประสานมูลนิธิเส้นด้ายจัดรถรับส่งผู้ป่วยไปที่หน่วยบริการแห่งใหม่ ที่ได้เตรียมรองรับไว้แล้ว