ห้องข่าวภาคเที่ยง - แม้จะมีภาพที่เห็นชัดเจนว่า มีการพาคนหลบหนีเข้าเมือง มาทางบ้านของ "เจ๊สาว" ที่จังหวัดสระแก้ว แต่ "เจ๊สาว" กับสามี ก็ยังคงยืนกรานปฏิเสธ แล้วแบบนี้จะดำเนินคดีได้ หรือไม่
"เจ๊สาว" ยืนกรานไม่ได้เปิดช่องขนคนข้ามแดน
แม้จะมีภาพหลักฐานให้เห็นจะจะแบบนี้ ว่าบ้านในตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ถูกใช้เป็นทางผ่านให้กับแรงงานต่างชาติหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย
แต่ เจ๊สาว อายุ 68 ปี และสามี อายุ 66 ปี ก็ยังคงยืนกราน ว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ก็ยอมรับเคยแอบเห็นชาวกัมพูชา ลักลอบนั่งเรือเข้ามาบริเวณหลังบ้านจริง
ส่วนที่ไม่กล้าแจ้งเจ้าหน้าที่ ก็เพราะกลัวจะเป็นอันตรายต่อครอบครัว และตนเองก็จะไม่ยอมให้ใครมาใส่ร้าย ขู่จะฟ้องกลับด้วย
สรุปแล้วเมื่อวานเป็นเพียงการตรวจค้น ตำรวจจึงยังไม่ได้จับตัว เจ๊สาว และสามี ต้องรอขยายผลให้ชัดเจนก่อน ว่าคนที่ลักลอบข้ามแดนเป็นคนไทย หรือต่างชาติ เกี่ยวข้องกับเครือข่ายพาคนลักลอบข้ามแดนที่ถูกทลายไปก่อนหน้านี้หรือไม่ แต่ทีนี้ก็มีรายงานข่าวจากตำรวจ บอกว่า การพาคนลักลอบข้ามแดน เป็นความผิดลหุโทษ มีโทษปรับ 800 บาทเอง
แต่ต้องบอกว่านี่เป็นการเข้าใจผิด เพราะตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ถ้าเป็นการ "ช่วย" คนต่างชาติหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โทษคือ จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ "ถ้า" ทำเพื่อหาผลกำไร ทำเป็นธุรกิจ โทษจะขยับเป็น จำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000 - 1.5 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แต่ "ถ้า" เป็นคนต่างชาติ หลบหนีเข้าเมืองมาเอง หรือเป็นการช่วยให้คนไทย ข้ามออกนอกประเทศไปโดยไม่ผ่านช่องทางปกติ แม้ความผิดจะคนละมาตรา แต่โทษเท่ากัน คือ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
"รังสิมันต์ โรม" แถลงเปิดโรดแมปกลุ่มทุนเทา
รังสิมันต์ โรม ใช้เวลาค่อย ๆ อธิบายเกี่ยวกับเส้นทางการเงินสีเทา ที่มีเครือข่ายพัวพันกับนักการเมืองระดับสูงของไทยและกัมพูชาอยู่นานกว่า 1 ชั่วโมง ยืนยันว่า มีหลักฐานใหม่เป็นเอกสารถึง 48 หน้า และกำลังเจาะเบื้องหลังกลุ่มหุ้นที่ ก.ล.ต. เคยออกมาประกาศเตือน ว่าใครอยู่เบื้องหลังกันแน่
นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) และประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงและกิจการชายแดนฯ แถลง "โรดแมปการติดตามเปิดโปงกลุ่มทุนเทายึดประเทศ ที่มีเครือข่ายพัวพันกับนักการเมืองระดับสูงของไทยและกัมพูชา" แน่นอนประเด็นที่ถูกจับตา คือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ นายเบน สมิธ เพราะเคยออกมาพูดและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ไว้ก่อนหน้านี้
สรุปแล้ว นายรังสิมันต์ โรม ยังคงตั้งข้อสังเกตเหมือนเดิม เรื่องความสัมพันธ์กับคนที่เกี่ยวข้องกับ สมเด็จฯ ฮุน เซน และการทำธุรกิจร่วมกับนักการเมืองหลายคน โดยอ้างมีพยานหลักฐานใหม่ รวบรวมไว้เป็นเอกสารความยาว 48 หน้า ที่แสดงให้เห็นถึงเส้นทางการประกอบธุรกิจของ นายเบน สมิธ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังบอกว่า กำลังเจาะหาคนเบื้องหลังกลุ่มหุ้นที่ ก.ล.ต. เคยออกมาประกาศเตือน เพื่อหาให้ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังกันแน่
เรื่องนี้สอบถามเรื่องนี้กับ รองผู้บัญชาการ สอท. หรือ ตำรวจไซเบอร์ ก็ยังคงยืนยันคำเดิม ว่าจากการตรวจสอบยังไม่มีชื่อของ "เบน สมิธ" อยู่ในสารบบ แต่ได้สั่งให้ชุดสืบสวนไปขยายผลตรวจสอบตามข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ได้ฝากถึง นายรังสิมันต์ โรม ให้นำข้อมูลที่พบความผิดปกติ มาแจ้งความกับตำรวจ พร้อมตรวจสอบ ส่วนเรื่องการทำคดีล่าช้า ส่วนหนึ่งยอมรับว่า ทุกวันนี้คดีออนไลน์มีตัวเลขสูงมาก แต่ก็เห็นได้จากผลการดำเนินการรายวัน ว่าตำรวจพยายามทำทุกคดีเต็มที่