“หมวดป้อ” เล่าความภูมิใจ “ส.ท.ต่อพงษ์” ติดตราเหล่าทหารราบ ธงชาติไทย หน่วยค่ายบดินทรเดชา บนเสื้อเกราะ สะท้อนความรัก-อุดมการณ์ต่ออาชีพทหาร เผย เป็นเกียรติ ครั้งหนึ่งเคยได้สวมใส่เสื้อเกราะของ ส.ท.ต่อพงษ์
วันนี้ (11 ต.ค.68) ร้อยตรี ธนาวุธ เวชสงเคราะห์ หรือ "หมวดป้อ" ผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 16 ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะโดรนที่ช่องอานม้า เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว เล่าถึงความภูมิใจที่เคยสวมเสื้อเกราะของวีรบุรุษ ส.ท.ต่อพงษ์ พันดวง สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 16 ค่ายบดินทรเดชา จังหวัดยโสธร ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา ระบุว่า "เสื้อเกราะ" และ "หมวกเหล็ก" ของน้อง ส.ท.ต่อพงษ์ พันดวง
ครั้งหนึ่งตนเคยใส่เสื้อเกราะตัวนี้ของน้องต่อพงษ์ตอนปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ช่องบก ก่อนจะมาปฏิบัติหน้าที่ในห้วงที่มีการปะทะกันในพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ถามว่าทำไม? ตนถึงได้ใส่เสื้อเกราะตัวนี้ในการปฏิบัติหน้าที่
ตนเลยอยากจะเล่าให้ฟังนะครับ ตอนนั้นเราปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ช่องบกด้วยความยากลำบาก เพราะพื้นที่เป็นสมรภูมิรบเก่าเต็มไปด้วยทุ่นระเบิดที่ตกค้าง พื้นที่เป็นป่ารกทึบสูงชันสลับกันไปมา มีภูเขาและเนินจำนวนมาก ประกอบกับดินแฉะและฝนตกตลอดทุกวัน ภารกิจของเราคือการคุ้มกันทหารช่างในการเจาะเส้นทางเพื่อทำถนน ถนนเส้นนี้ถูกทำขึ้นเลียบเส้นสมมุติที่ใช้แบ่งเขตแดน และถนนที่ทำทุก ๆ วันจะออกไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ จากจุดเริ่มต้น เราจะเจอหน้ากับทหารเขมรกลางป่าอยู่เป็นประจำแบบอาวุธครบมือ เพราะทุกครั้งที่เครื่องจักรทหารช่างทำงานและส่งเสียงดัง ทหารเขมรจะมาเฝ้าและคอยดูการทำถนนของเราว่าเราจะทำถนนเข้าไปใกล้เส้นสมมุติหรือเปล่า และเราทำถนนได้ไกลแค่ไหนในแต่ละวัน เพราะฝ่ายตรงข้ามก็ไม่อยากให้ถนนเส้นนี้ทำเสร็จ จึงมีการก่อกวนยุแหย่และทำให้เกิดความตรึงเครียดใส่กันอยู่หลายครั้ง จึงทำให้ต้องมีการเจรจากันเพื่อหาข้อตกลงก่อนจะนำมาซึ่งความบานปลายที่อาจก่อให้เกิดการยิงหรือปะทะกัน
นอกจากนั้น ภารกิจนี้เราจะต้องผูกเปลและนอนเฝ้าเครื่องจักรของทหารช่าง เพื่อไม่ให้เขมรมาทำลายหรือก่อกวน (เขมรมันก็บินโดรนดูพวกตนทุกวันทุกคืนนะครับ) เรียกได้ว่าเจอกันจนชินพวกมันบินโดรนมาเจอทหารไทยแก้ผ้าตบก้นใส่เลย แบบนั้นเลยนะครับ 555 ภารกิจนี้ตนจึงสามารถนำมาบอกเล่าได้ ซึ่งในการทำงานในพื้นที่นี้เหมือนพวกตนได้บุกเบิกสมรภูมิรบใหม่ จึงเป็นภารกิจที่ท้าทายอันตราย ตื่นเต้นและมีความภาคภูมิใจที่ได้เข้ามาในสมรภูมิสู้รบในอดีต ภารกิจของงานที่เต็มไปด้วยความอันตรายและยากลำบากคือ การอยู่ในวงล้อมของทหารเขมร การส่งกำลังบำรุงที่ยากลำบาก เพราะเราจะต้องเดินเท้าในการปฏิบัติภารกิจ
ตนเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการหน่วยทหารขนาดเล็กที่ได้มาช่วยปฏิบัติภารกิจและประกอบกำลังกับร้อย ร.113 (พัน.ร.11 หรือ ร.16 พัน.3 ที่จัดกำลังมา 1 กองร้อยเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในช่องบก) โดยในการสับเปลี่ยนกำลังฝ่ายเราในการกลับไปพัก เราอาจจะเดินในเส้นทางลาดตระเวนร่วมระหว่างทหารไทยและทหารเขมร หรือเส้นทางถนนที่เจาะใหม่ ซึ่งในเส้นทางการเดินของพวกเราจะไม่ซ้ำกัน อาจเดินเส้นทางลาดตระเวนร่วมหรือเดินถนนที่เจาะใหม่ในการสับเปลี่ยนกำลัง (บอกได้นะครับ เพราะเขมรจะวางกำลังเป็นย่อม ๆ ตลอดเส้นลาดตระเวนร่วม ถ้าเดินเส้นนี้จะเจอเขมรทุกครั้ง ซึ่งเขมรก็รู้ครับ) แต่ถ้าเดินถนนเจาะใหม่จะไม่เจอเขมร เพราะเป็นดินแดนฝั่งไทย เขมรไม่มีสิทธิ์เลยเส้นลาดตระเวนร่วมหรือข้ามเส้นสมมุติเข้ามาได้ เพราะถือว่าเป็นการรุกล้ำเขตแดนชัดเจน
ในพลัดพักและพลัดทำงานที่ต้องคุ้มกันทหารช่าง การเดินไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ เพราะถนนที่เราต้องเดินเป็นดินโคลนเลอะเฉอะแฉะก้าวขาเหยียบทีขายุบลงไปครึ่งแข้ง เราต้องแบกเสื้อเกราะ หมวกเหล็ก ปืน อาวุธ กระสุน และเป้สนามที่บรรทุกเสบียงและของใช้ส่วนตัวเพื่อสับเปลี่ยนกำลัง บอกได้เลยครับว่าถ้าร่างกายไม่แข็งแรงจริง ๆ ไม่ไหวแน่นอน เพราะมันเหนื่อยมากจริง ๆ และเราต้องเดินไกลขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกครั้งที่สับเปลี่ยนกำลัง เนินก็เยอะขึ้นตามระยะทางที่ไกลขึ้น ตนในฐานะผู้หมวดต้องดำรงไว้ซึ่งการติดต่อสื่อสารทั้งทางวิทยุและการติดต่อสื่อสารกับ ผบ.ร้อยส่วนตัว มีครั้งหนึ่งไม่มีสัญญานในการติดต่อสื่อสารเลยจริง ๆ ทั้งวิทยุและมือถือ ต่อพงษ์จึงขออาสาเดินกลับไปจุดเริ่มต้น เพื่อไปเอา pocket wifi มาขึ้นสัญญาณและชาร์ต power bank หรือแบตเตอรี่สำรองให้เพื่อนร่วมทีมซึ่งมันไกลมาก ตนยอมใจต่อพงษ์จริง ๆ ครับที่เขาทำเพื่อเพื่อนร่วมทีมและเพื่อส่วนรวมขนาดนี้ น้องเป็นคนดี มีน้ำใจ และกล้าหาญเป็นที่รักของคนรอบข้าง ตนสนิทกับต่อพงษ์มากนะครับ เขาเป็นเหมือนนายสิบประจำตัว อาบน้ำสบู่ก้อนเดียวกัน ผูกเปลนอนด้วยกันอะไรแบบนี้ มันคือความผูกพันที่ตนกับเขามีต่อกัน
ตนจึงให้น้องต่อพงษ์จัดชุดส่วนหนึ่งเดินกลับไป พร้อมใส่เสื้อเกราะของพี่ ผบ.ร้อย กลับไปเปลี่ยนเป็นเสื้อเกราะของตนที่อยู่ที่ฐาน เพราะตอนนั้นตนใส่เสื้อเกราะพี่ ผบ.ร้อย ออกมาปฏิบัติหน้าที่ จึงต้องนำไปคืนเขาและเปลี่ยนเอาของตนมาแทน ตนที่ยังคงปฏิบัติภารกิจ จึงได้ใส่เสื้อเกราะของน้องต่อพงษ์แทน ส่วนน้องต่อพงษ์ก็ได้มีโอกาสใส่เสื้อเกราะของตน เราจึงมีโอกาสได้ใส่เสื้อเกราะของกันและกัน ตอนนั้นตนถามน้องว่าติดตราสัญลักษณ์อะไรเยอะแยะ น้องตอบผมว่า มีตราเหล่าทหารราบที่เขาภูมิใจ มีธงชาติ และสัญลักษณ์หน่วยค่ายบดินทรเดชา มันทำให้ตนรู้ว่าเขามีความรักและมีอุดมการณ์ต่ออาชีพมาก
ครั้งหนึ่งจึงเป็นเกียรติที่ตนได้สวมใส่เสื้อเกราะตัวนี้ ก่อนที่น้องต่อพงษ์จะจากไปในการปฏิบัติหน้าที่คืนสุดท้ายก่อนที่จะยุติการยิงในวันที่ 28 ก.ค.68 และมันจะเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่ตนจะจดจำตลอดไป