เช้านี้ที่หมอชิต - สำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี สแกนหาวัตถุโบราณใต้ซากพระธาตุโนนตาล พร้อมเร่งเคลียร์พื้นที่เพื่อเตรียมสร้างพระธาตุขึ้นใหม่
หลังจาก "พระธาตุโนนตาล" อายุกว่า 120 ปี ตั้งอยู่ภายในวัดพระธาตุ อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ได้พังทลายลงมาทั้งองค์ ช่วงเที่ยงของวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา สร้างความเสียใจแก่ชาวบ้านที่มีความเคารพศรัทธา
ล่าสุด สำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี ผู้ดูแลพระธาตุโนนตาล พาผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุโบราณจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมผู้นำท้องถิ่น ปูพรมค้นหาของมีค่าที่อยู่ใต้เศษซากพระธาตุ โดยผู้ใดพบอย่าแตะต้อง แต่ให้ยกมือเป็นสัญญาณ เจ้าหน้าที่จะสวมถุงมือเข้าไปนำออกมาเอง
พบพระพุทธรูปโบราณปางเปิดโลก จำนวน 2 องค์ แบบพิมพ์พระปางสมาธิ 1 องค์ และพระแกะสลักในเนื้อหินใสคล้ายหินโป่งข่าม 1 องค์ เจ้าหน้าที่ร่วมกันตรวจสอบความเก่าแก่
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้ค้นหาของมีค่าไป 1 รอบแล้ว โดยพบพระพุทธรูปปางมารวิชัย เนื้อสำริด สูง 22.5 เซนติเมตร หน้าตักกว้าง 11 เซนติเมตร สมัยรัตนโกสินทร์พุทธศตวรรษที่ 25 ฝีมือช่างท้องถิ่นภาคอีสาน และยังพบสร้อยคอทองคำ 1 เส้น พร้อมเหรียญเงินโบราณจำนวนหนึ่ง โดยพบอยู่บนยอดฉัตร 5 ชั้น ขนาดความสูง 162 เซนติเมตร เนื้อโลหะผสม ปิดทองฉลุลาย โบราณวัตถุที่พบในพระธาตุทั้งหมดถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่ สภ.ท่าอุเทน
นายธนภัทร จิตสุทธิผล ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี บอกว่า งบประมาณเกือบ 3 ล้านบาทที่กระทรวงวัฒนธรรมจัดสรรให้ก่อนหน้านี้ เพื่อใช้บูรณะและปรับปรุงภูมิทัศน์ แต่เมื่อพระธาตุพังทลายลงจะต้องสร้างองค์ใหม่แทนองค์เดิม ใช้งบประมาณกว่า 50 ล้านบาท แต่การก่อสร้างจะยังไม่เกิดขึ้น เพราะต้องรอจัดสรรงบปี 2570 เพราะงบปี 2569 ผ่านมติ ครม. ไปแล้ว ดังนั้นในห้วงนี้จะปูพรมสแกนหาของมีค่า และหารือกรรมการวัดว่าจะเคลื่อนย้ายเศษอิฐองค์พระธาตุไปไว้ที่ไหน จึงจะเหมาะสม เนื่องจากวัดไม่มีเจ้าอาวาส
ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 9 เผยว่า สาเหตุหลักทำให้พระธาตุโนนตาลพัง เหมือนกับพระธาตุองค์อื่น ๆ เพราะการก่อสร้างส่วนใหญ่จะก่อเป็นเปลือกรอบ ตรงกลางเป็นโพรงดิน ตราบใดที่น้ำเข้าได้จะไปอิ่มตัวอยู่ตามผนัง และเริ่มบวมออกข้าง จนเกิดการระเบิดจากภายใน
นอกจากนี้ที่ตั้งของพระธาตุอยู่ติดถนน แม้จะเป็นรถเล็กรถใหญ่มีแรงสั่นสะเทือนเหมือนการตอกเสาเข็ม ทำให้รอยร้าวขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่เราไม่ได้สังเกต
