ที่พักม้งบ้านบวกจั่นทรุดหนัก ยอดจองหายไป 80% คาดเป็นเพราะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ต้องดิ้นรนเอง เพราะเข้าร่วมโครงการของรัฐไม่ได้ แถมเจอมิจฉาชีพ เอาที่พักไปหลอกออนไลน์ ซ้ำเติมปัญหาอีก
16 ตุลาคม 2568 ที่ บ้านบวกจั่น ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดท้ายของ อ.แม่ริม ก่อนที่จะลงเขาไปหา อ.สะเมิง ถือเป็นหมู่บ้านชาวม้ง ที่ผืนป่ามีความอุดมสมบูรณ์ แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งชาวม้งที่นี่ มีอาชีพหลัก 2 อย่าง คือการทำการเกษตรและที่พักโฮมสเตย์ ซึ่งทั้งทั้งสองอาชีพ กลับเกื้อหนุนกันอย่างสอดคล้อง อย่างเกษตรชาวม้งมีการปลูกผักและทำฟาร์มดอกกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์ ที่ส่งไปขายปากคลองตลาดในกรุงเทพมหานคร รวมถึงหลายตลาดดอกไม้ทั่วประเทศ รวมถึงผักซาโยเต้ ที่กำลังฮิต ในหมู่สายคนรักสุขภาพ
ส่วนอีกอาชีพ ที่ทำรายได้ให้ชาวม้งบวกจั่นมาไม่น้อยกว่า 5 ปีหลังสุด คือที่พักโฮมสเตย์ ที่ชาวบ้านทำควบคู่กันไป เพราะบ้านบวกจั่น ซ่อนอยู่ในหุบเขา และตั้งอยู่บนดอยสูง ทำให้เห็นวิวภูเขาน้อยใหญ่ แบบพาโนรามา ชาวบ้านจึงทำที่พักขึ้นมา เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว ที่ต้องการมาสัมผัสไอหมอก และที่ผ่านมาสร้างรายได้จำนวนไม่น้อยให้กับชาวม้ง จนชาวม้งบวกจั่น ลืมตาอ้าปากได้ จนก่อตั้งเป็น กลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวสีเขียวและวัฒนธรรมชนเผ่าบ้านบวกจั่น
แต่ปัจจุบัน กลับกลายเป็นว่า สิ่งที่แน่นอน กลับไม่แน่นอนไปเสียแล้ว เพราะ นายกิตติพงษ์ อนันต์วิไล หนึ่งในสมาชิกวิสาหกิจชุมชนฯ บอกว่า ปัจจุบัน ยอดจองห้องพักของนักท่องเที่ยว หายไปกว่า 80% หากเทียบกับทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งเข้าใจว่า อาจเกิดจากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่ไม่สู้ดี ทำให้คนใช้จ่ายน้อยลง และที่ผ่านมาชาวม้งบวกจั่น ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการของรัฐ อย่างคนละครึ่ง และเราเที่ยวด้วยกันได้ เพราะการทำที่พักของบ้านบวกจั่นไม่เข้าเกณฑ์ของโครงการ ตรงนี้อยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบด้วย
นอกจากนี้ ยังต้องเผชิญกับปัญหามิจฉาชีพ ที่นำที่พักของชาวม้งไปแอบอ้าง หลอกคนในเฟซบุ๊ก และสื่อออนไลน์ต่างๆ โดยการหลอกให้นักท่องเที่ยวจองที่พัก แต่ให้โอนเงินเข้าบัญชีม้า ไม่ใช่บัญชีของที่พัก ทางบ้านบวกจั่น เคยแก่ปัญหาโดยการแจ้งผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า ก่อนจองทุกครั้งสามารถวิดีโอคอล ดูห้องพักได้ แต่มิจฉาชีพ ก็ปรับตัวมาถึงที่พักเอง ทำทีจะมาจองที่พัก แล้วเดินดูแต่ละห้อง พร้อมวิดีโอคอล อ้างว่าคุยกับเพือน จากนั้นเอาคิวอาร์โค้ด ตัวเองมาติดให้คนโอนเงิน ซึ่งเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการอย่างมาก
นายกิตติพงษ์ กล่าวอีกว่า อยากให้ภาครัฐ พิจารณาความเหมาะสม และเปิดโอกาส ให้พี่น้องชาวม้ง ที่ทำธุรกิจที่พัก เข้าถึงโครงการของรัฐ อย่าเพียงแต่ทิ้งเขาไว้บนดอย ทุกคนควรเติบโตไปด้วยกัน
