ชาวบ้านยอมขายข้าวเปลือกที่เก็บไว้กิน เพื่อเอาเงินมาซื้อโทรศัพท์ใหม่ หวังได้รับสิทธิ์คนละครึ่งพลัส
วันนี้ (16 ต.ค.68 ) ที่ด้านหน้าธนาคารกรุงไทยแต่ละสาขา ใน จ.ชัยภูมิ พบมีชาวบ้านแห่ไปต่อคิวเป็นจำนวนมาก บางรายรอคิวตั้งแต่ตี 3 ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยกลางคน และผู้สูงอายุ หรือผู้ที่เพิ่งเคยใช้โทรศัพท์สมาร์ตโฟน นำโทรศัพท์ของตัวเองไปให้เจ้าหน้าที่ธนาคารฯช่วยลงแอปฯเป๋าตัง และช่วยสแกนใบหน้ายืนยันตัวตน เพื่อรอลงทะเบียนโครงการ "คนละครึ่ง พลัส" กันอย่างคึกคัก
รวมถึงที่ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนหฤทัย ในเมืองชัยภูมิ พบชาวบ้านที่ไม่เข้าใจ ต่างเดินทางมาขอรับบัตรคิว เพื่อต้องการขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ว่า ตนเองมีคุณสมบัติ และเงื่อนไข ที่จะรับสิทธิ “คนละครึ่ง พลัส 2568” หรือไม่ เพื่อเตรียมรอลงทะเบียน ในวันที่ 20 ต.ค.- 26 ต.ค 68 เพราะบางคนใช้โทรศัพท์รุ่นเก่า และบางคนไม่มีแม้โทรศัพท์มือถือ จำเป็นต้องหยิบยืมเงินเพื่อนบ้าน หรือนำข้าวเปลือกในยุ้งฉางเก็บไว้กินออกมาขาย ให้เงินพอที่จะซื้อโทรศัพท์ ราคาเริ่มต้นพอใช้ได้ประมาณ 2,400 บาท
รวมถึงนางภิรมย์ ชาวบ้านโสก อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ ที่โทรศัพท์เครื่องเดิมไม่เป็นแบบสมาร์ตโฟน จึงจำเป็นต้องนำข้าวเปลือกที่เก็บไว้ที่บ้าน นำไปขายที่โรงสีรับซื้อข้าวเปลือก ได้เงินมา 6,000 บาท เพื่อนำเงินไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ ในราคา 3,600 บาท เพื่อหวังไม่ให้เสียสิทธิ์ อยากเข้าโครงการคนละครึ่ง พลัส
นอกจากนั้น ยังพบมีชาวบ้านหลายรายมา มานั่งรอเข้ารอรับบัตรคิวที่ด้านหน้าธนาคารฯตั้งแต่เวลา 03.00น.เพื่อไม่ให้พลาดโอกาส โดยที่ธนาคารกรุงไทยสาขาถนนหฤทัย ในเมืองชัยภูมิ ให้ชาวบ้านรับบัตรคิวได้เพียงวันละ 100 คิวเท่านั้นเพราะเป็นสาขาเล็ก จึงจำเป็นต้องออกมารับบัตรคิวตั้งแต่เช้ามืดก่อนที่จะไม่ได้คิว
นายอนันต์ นาคนิยม ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้ลงพื้นที่มาให้กำลังใจและดูความเรียบร้อย ของชาวบ้านที่มารอลงทะเบียน พร้อมกับกำชับให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ดูแลพี่น้องประชาที่มารอลงทะเบียนดีที่สุด และยังได้เน้นย้ำฝ่ายปกครองและทางตำรวจชัยภูมิออกตรวจสอบดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนที่มารอคิวตั้งแต่ช่วงเช้ามืด หวั่นจะเกิดเหตุอันตรายขึ้น จึงกำชับในเรื่องนี้ให้เป็นพิเศษ