หนุ่มวัย 59 ตระเวนขับรถหาบ้านที่มีงาน จนไปเจอบ้านจัดงานศพ ตีเนียนเดินเข้าบ้านงานกลางดึก ไปขโมยทรัพย์สิน ได้ทั้งทอง,เงินสด รวมกว่า 400,000 บาท หลังถูกจับ เจ้าตัวปฏิเสธไม่เคยมาบุรีรัมย์ ขณะ ผบก.มั่นใจจับไม่ผิดคน เพราะประวัติเพียบ หลักฐานชัด
วันที่ 17 ต.ค.68 พล.ต.ต.วรายุส์ จันทร์เยี่ยม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เดินทางมาสอบสวนด้วยตัวเอง หลังจาก พ.ต.อ.อานนท์ เหล็กดี ผกก.สภ.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน พร้อมชุดสืบสวนไปตามควบคุมตัว นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 59 ปี หนุ่ม LGBTQ ชาวจังหวัดอุบลราชธานี ได้ขณะลงจากศาลจังหวัดยโสธร ในข้อหาคดี ลักทรัพย์ เนื่องจากนายเอ มีใบหน้าคล้ายกับบุคคลในกล้องวงจรปิด ขณะเข้าไปขโมยทรัพย์สินในงานศพที่บ้านปอแดง หมู่ 9 ต.โนนขวาง อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 10 ต.ค.เวลาประมาณ 02.30 น.
ซึ่งจากการสอบสวนนายเอ ให้การปฏิเสธว่า ไม่เคยมาจังหวัดบุรีรัมย์ และไม่ใช่บุคคลในกล้องวงจรปิด แต่ยอมรับว่าเคยอยู่ระหว่างการสู้คดีลักทรัพย์ที่ศาลจังหวัดยโสธร
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถามนางสมจิตร อายุ 64 ปี ชาว อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ผู้เสียหายเล่าว่าเมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนเองได้มีการฌาปนกิจศพสามี มีญาติจากหลายจังหวัดมาร่วมงานด้วย รุ่งเช้าของวันที่ 11 ได้มีการเตรียมสิ่งของ เพื่อที่จะทำบุญในตอนเข้า หลังจากเผาสามีเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็เหนื่อยกับการจัดงาน ต่างคนต่างนอนพักผ่อนบริเวณบ้าน โดยไม่ได้ล็อกประตูบ้าน
จนกระทั่งมีคนตะโกนบอกว่า มีคนร้ายเข้าบ้าน จึงลุกขึ้นมาดูเวลาประมาณ 02.30 น.ตรวจสอบดูทรัพย์สินพบว่า กระเป๋าที่วางไว้อยู่บนหัวนอน ซึ่งมีสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 3 บาท มูลค่าประมาณ 180,0000 บาท 1 เส้น ,แหวนทองคำ น้ำหนัก 1 สลึง มูลค่าประมาณ 15,0000 บาท ,เงินสด จำนวน 30,000 บาท ,สมุดบัญชี ธกส สาขาบ้านด่าน พร้อมบัตร ATM ได้หายไป
นอกจากนี้ ยังมีทรัพย์สินของญาติ มีทั้งบัตรประจำตัวประชาชน โทรศัพท์มือถือไอโฟน 11 สีดำ มูลค่าประมาณ 10,000 บาท ,เงินสด จำนวน 19,000 บาท,สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 2 บาท มูลค่าประมาณ 120,0000 บาท ,ต่างหูทองคำ จำนวน 3 คู่ น้ำหนักรวมกัน 3 สลึง มูลค่าประมาณ 45,000 บาท ,สมุดบัญชี ธกส สาขาบ้านด่าน พร้อมบัตร ATM ,โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ วีโว่ สีฟ้า มูลค่าประมาณ 5,000 บาท ,เงินสด 200 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่หายไปทั้งหมดประมาณ 400,000 บาท
นางสมจิตร เจ้าภาพงานศพ เล่าว่า รู้สึกเสียใจมาก เพราะนอกจากจะเสียสามีไปแล้ว ยังต้องเสียทรัพย์สินของตนและญาติอีกด้วย ตอนแรกไม่หวังว่าจะได้ทรัพย์สินคืน แต่พอมารู้ว่าตำรวจ สภ.บ้านด่าน ตามจับกุมมาได้รู้สึกดีใจที่ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่
ด้าน พล.ต.ต.วรายุส์ จันทร์เยี่ยม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าพฤติกรรมของคนร้ายจะขับรถตระเวนหาบ้านที่มีการจัดงานดูลาดเลาบริเวณที่จัดงาน จากนั้นจะแฝงตัวเข้ามาภายในบ้านที่มีการจัดงานศพ ตกดึกจะเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ ถึงแม้ว่าผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีพยานหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ชัดเจน ทั้งก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ และจากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของผู้ต้องหาพบว่ามีประวัติการก่อเหตุในลักษณะนี้มาก่อน ทั้งนี้อยากจะฝากประชาสัมพันธ์ ถึงพี่น้องประชาชนที่มีการจัดงานต่างๆ ให้ระมัดระวังบุคคลแปลกหน้าที่เข้ามาภายในงาน หากพบบุคคลที่ต้องสงสัยสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ให้มาตรวจสอบได้
เบื้องต้นตำรวจ ตั้งข้อหานายเอ ในข้อหา “ ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน “ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป