ห้องข่าวภาคเที่ยง - เกาะติดรั้วและถนนตรวจการณ์ ชายแดนไทย-กัมพูชา กองบัญชาการกองทัพไทย เดินหน้าสำรวจ ออกแบบเสร็จ เน้นคงทน ถาวร ผลิตสำเร็จรูปจากภายในประเทศ
กองบัญชาการกองทัพไทย เดินหน้าต่อกับการก่อสร้างรั้วชายแดน ถนนตรวจการณ์ และบังเกอร์บุคคล เริ่มจากแผนการสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีความยาวรวม 798 กิโลเมตร แบ่งโดยใช้สภาพภูมิประเทศตามธรรมชาติ ที่จะใช้วัสดุคุณภาพสูง ผลิตสำเร็จรูปจากภายในประเทศ เพื่อความรวดเร็วและคงทนถาวร
ที่จะเริ่มจากเขตแดนที่ 1 อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ลากยาวผ่านชายแดนจังหวัดสุรินทร์, บุรีรัมย์, สระแก้ว, จันทบุรี และสิ้นสุดที่หลักเขตแดนที่ 73 อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด โดยหลักเขตแดนแต่ละหลักจะปักไปตามลักษณะภูมิประเทศ
สำหรับบริเวณที่วางแผนจะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างหลักเขตแดนที่ 52-59 ในอำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ติดต่อกับอำเภอกอมเรียง จังหวัดพระตะบอง ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยจะกำหนดแนวเขตแดนเป็นเส้นตรงระหว่างหลักต่อหลัก และทั้งสองฝ่ายมีความเห็นตรงกันในที่ตั้งหลักเขตแดน ก็มีรูปแบบแผนมาแล้ว จุดที่จะดำเนินการสร้างรั้วตามที่กรมแผนที่ทหารเสนอนั้น คือ บริเวณหลักเขตแดนที่ 52-59 อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี รวม 8 หลัก โดยจะเริ่มดำเนินการบริเวณหลักเขตแดนที่ 52-54 ก่อน
และรั้วนี้คุณลักษณะคงทน ถาวร สามารถป้องกันการบุกรุกทำลาย รื้อถอน หรือการลักลอบข้ามแดน ทั้งการขุดลอดและการปีนข้าม จะสูง 3.50 เมตร ครึ่งล่างเป็นคอนกรีตสำเร็จรูปอัดแรง ครึ่งบนเป็นตะแกรงเหล็กชุบอลูซิงค์ มีความทนทานป้องกันสนิมได้ 80 ปี ด้านบนวางลวดหนามหีบเพลง เส้นผ่าศูนย์กลาง 45 เซนติเมตร ก่อสร้างถนนตรวจการณ์ ผิวจราจรลูกรัง กว้าง 5 เมตร ทั้งรั้วทั้งถนนค่าก่อสร้างกิโลเมตรละ 8,660,000 บาท
รวมถึงบังเกอร์บุคคล ก็จะผลิตจากคอนกรีตคุณภาพสูง เป็นชิ้นส่วนสำเร็จรูป สูง 2.1 เมตร กว้าง 2 เมตร ยาว 2 เมตร ผนังหนา 15 เซนติเมตร ผ่านการทดสอบด้วยกระสุน และระเบิดขนาดต่าง ๆ แล้ว ผิวบังเกอร์ได้รับความเสียหายเพียงรอยสะเก็ดประมาณ 2.5 เซนติเมตร ภาพรวมผลการทดสอบสามารถต้านทานแรงกระสุนและระเบิดได้เป็นอย่างดี ราคาพร้อมติดตั้ง 175,000 บาทต่อ 1 หลัง