ทหาร คุมตัว 10 คนไทย หลงเชื่อไปทำงานเขมร รายได้ดี แต่ถูกบังคับเปิดบัญชี-ไฟช็อตหน้าอก ก่อนส่งตัวกลับ เพราะมีโรคประจำตัว หนึ่งในผู้ถูกคุมตัว เล่าถึงความโหดร้าย และยังมีคนไทยถูกขังในโกดังจำนวนมาก
วันนี้ (22 ต.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้ามืด กองกำลังบูรพา, ฉก.อรัญประเทศ และ กองร้อยทหารพรานที่ 1202 คุมตัวคนไทยลักลอบเข้าเมืองได้ 10 คน เป็นชาย 6 คน หญิง 4 คน ควบคุมได้ที่ด่านศุลกากรอรัญประเทศ โดยคนไทยกลุ่มนี้ออกนอกประเทศไปในช่วงเวลาที่ต่างกัน แต่ถูกส่งตัวกลับเพราะมีโรคประจำตัว
หนึ่งในผู้ถูกควบคุมตัว อายุ 47 ปี เล่าว่า ถูกหลอกผ่านเฟซบุ๊กจากโพสต์หางาน โดยอ้างว่าเป็นงานสบาย และได้รับค่าตอบแทนสูง แอดมินเพจบอกรายละเอียดงานเพียงว่าให้ตนมาทำงานเป็นการ์ดรักษาความปลอดภัย ทำงาน 2-3 วัน ก็จะได้รับเงิน 2-3 หมื่นบาท โดยให้ข้ามฝั่งไปทำงานอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งขณะนั้นตนไม่ได้เอะใจแต่อย่างใด หลังจากที่เดินทางไปถึงที่กัมพูชา ก็ถูกยึดโทรศัพท์มือถือทั้งหมด และถูกบังคับเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์รวมทั้งหมด 8 บัญชี และให้ตนเองสแกนใบหน้า เพื่อรับและโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารที่เปิดไว้ ซึ่งหากขัดขืนก็จะมีผู้ดูแลเป็นชาวกัมพูชา คอยถือกระบองไฟฟ้าประกบอยู่ตลอด
จากนั้นตนถูกส่งตัวไปกักขังอยู่ในโกดัง ซึ่งด้านในมีคนอยู่มากกว่า 70 คน มีผู้คุมเป็นคนไทย บางครั้งก็มีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้น เช่น การใช้กระบองไฟฟ้าช็อตตามร่างกาย ซึ่งโกดังที่ถูกกักขังอยู่ใกล้เคียงบ้านหนองจาน ย้อนกลับไปในวันที่รถเครื่องขยายเสียงเปิดเสียงอยู่บ้านหนองจานนั้น ตนก็ได้ยินเสียงอย่างชัดเจน
ปัจจุบันภายในโกดังที่ตนถูกกักตัวก็ยังคนไทยถูกกักอยู่จำนวนมาก ส่วนที่ตนและกลุ่มคนไทยอีก 9 คนที่ถูกให้กลับมาพร้อมกันชุดนี้ เนื่องจากทุกคนมีโรคประจำตัว ตนต้องรับยารักษาตัวเอสไอวี บางคนเป็นโรคซึมเศร้า อีกทั้งยังมีผู้สูงอายุ ทางฝั่งกัมพูชาคงมองว่าทำประโยชน์อะไรไม่ได้มากมายนัก โดยเมื่อวานนี้ขณะที่ถูกส่งตัวกลับนั้น มีชาวกัมพูชา 2 คน ถืออาวุธมีด พามาส่ง กระทั่งมาเจอเจ้าหน้าที่ทหาร และถูกควบคุมตัวในที่สุด
ตนยอมรับว่า ที่ตัดสินใจไปทำงานที่กัมพูชา เพราะอยากมีรายได้ ซึ่งวิธีการที่ฝั่งนั้นใช้คือใช้เงินจำนวนมากมาหลอกล่อ แต่เมื่อไปทำงานจริงจากที่บอกว่าจะได้ 20,000 บาท ตนกลับมาเพียงแค่ 2,000 บาทเท่านั้น ขณะนี้ยอมรับว่าเข็ดแล้ว และอยากเตือนคนที่กำลังจะถูกหลอกเหมือนที่ตนเองพบเจอว่าอย่าไป
ส่วนประเด็นชาวเกาหลีใต้ ที่หายตัวอยู่ในประเทศกัมพูชานั้น ตนกล้าพูดได้เลยว่า บางคนก็หายสาบสูญไปแบบที่อวัยวะอยู่ไม่ครบ 32 แล้ว บางคนโดนทรมานร่างกาย ถอดเล็บ เพื่อเรียกค่าไถ่
ขณะที่หญิงสูงอายุอีกราย อายุ 74 ปี ชาวจังหวัดเชียงราย หนึ่งในผู้ถูกควบคุมตัว เปิดใจยอมรับ ตนถูกหลอกให้ไปทำงานโดยอ้างว่า เพียงแค่ข้ามไปทำงานที่กัมพูชาไม่กี่วัน ก็จะได้รับค่าตอบแทนสูง 1 - 2 หมื่นบาท ด้วยความที่เป็นผู้สูงอายุ และจำเป็นต้องใช้เงิน จึงหลงเชื่อและตัดสินใจเดินทางไป โดยที่ไม่ได้บอกให้ลูกรู้ บอกเพียงว่าจะเดินทางไปหาเพื่อน 3 - 4 วัน จะกลับมา เพราะไม่อยากให้ลูกเป็นห่วง อีกทั้งยังไม่อยากเป็นภาระของลูก ตนทราบตั้งแต่แรกว่าต้องเดินทางไปที่กัมพูชา แต่เข้าใจว่าจะไปแบบถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อไปถึงก็ถูกบังคับให้เปิดบัญชีออนไลน์เช่นเดียวกัน และถูกส่งตัวไปกักขังอยู่ที่โกดังใกล้เคียงกับบ้านหนองจานเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ อยากให้สิ่งที่ตนเจอเป็นกรณีศึกษาสำหรับผู้สูงอายุ อย่าหลงเชื่ออะไรง่าย ๆ ไปแล้วก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก กว่าจะกลับมาได้แทบเอาชีวิตไม่รอด และอยากให้ลูกหลานดูแลผู้สูงอายุให้ดี เพราะไม่อยากให้มีใครต้องหลงเชื่อแบบที่ตนเจอ เพราะบางคนอาจไม่ได้โชคดีเหมือนตนที่ได้กลับมา
ส่วนชายอายุ 37 ปี หนึ่งในผู้ถูกควบคุมตัวอีกราย เปิดรอยแผลถูกกระบองไฟฟ้าช็อตบริเวณหน้าอก ให้ทีมข่าวดูพร้อมเปิดใจทั้งน้ำตา ยอมรับว่า เข็ดแล้วกับการที่ตัดสินใจเดินทางไปทำงานกัมพูชา ตนมีหน้าที่รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบ เนื่องจาก พ่อและแม่เป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว จำเป็นต้องใช้เงิน และมองว่าการข้ามฝั่งไปทำงานเพียงไม่กี่วัน กับค่าตอบแทนที่ค่อนข้างสูง จึงทำให้ตัดสินใจเดินทางไป
ตนถูกบังคับให้เปิดบัญชีออนไลน์ และสแกนใบหน้า และถูกผู้คุม 3-4 คนล็อกตัว ทำร้ายร่างกาย ซึ่งนอกเหนือจากตนเอง ก็มีคนอื่นที่ถูกทำร้ายร่างกายเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ตนถูกส่งตัวให้กลับเนื่องจากมีโรคประจำตัวเช่นเดียวกัน พร้อมยอมรับว่าตนมีปัญหาเรื่องเงิน แม้จะได้เห็นข่าวอยู่เรื่อยๆ ว่าคนไทยถูกหลอกไปทำงานที่กัมพูชา แต่ด้วยค่าตอบแทนสูง ตนจึงตัดสินใจไป เพียงเพราะอยากหาเงินมาดูแลพ่อและแม่ที่ป่วยและพิการ ตนถือว่าโชคดีที่ยังได้กลับประเทศไทย และอยากเตือนคนไทยคนอื่นที่อาจจะกำลังหลงเชื่อ ทุกคนอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่ตนเองได้กลับมา