กกล.บูรพา สกัดจับ 5 คนไทยลอบเข้าเมือง หนีกลับจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปอยเปต

กกล.บูรพา สกัดจับ 5 คนไทยลอบเข้าเมือง หนีกลับจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปอยเปต

View icon 366
วันที่ 22 พ.ย. 2568 | 17.11 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ถูกหลอกไปทำงาน 5 คนไทย เล่านาทีวิ่งหนีเอาชีวิตรอดจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปอยเปต ก่อนโทรติดต่อญาติในไทย ขอความช่วยเหลือ จนมาถูก กกล.บูรพา สกัดจับได้ที่บ้านดงงู สระแก้ว ฐานลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย

วันนี้ (22 พ.ย.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา กองกำลังบูรพา โดย ฉก.อรัญประเทศ, ชค.ทพ.12 (ร้อย ทพ.1202) ร่วมกับ ชปข.2 กกล.บูรพา, ร้อย.ร.932, ตำรวจกองบังคับการสอบสวนกลาง และ สภ.คลองลึก จัดกำลังลาดตระเวนสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา กระทั่งเวลา 20.08 น. เจ้าหน้าที่ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเดินลัดเลาะมาจากแนวพรมแดน บริเวณพิกัดบ้านดงงู ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตั้งอยู่ระหว่างจุดเฝ้าตรวจ 09–10 (จต.อ.09 – จต.อ.10) ซึ่งเป็นช่องทางที่กลุ่มลักลอบใช้ข้ามแดนเป็นประจำ เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบ ก่อนควบคุมตัวได้จำนวน 5 คน เป็นชาวไทยทั้งหมด ชาย 3 คน หญิง 2 คน ไม่มีผู้นำพาและไม่มีหนังสือเดินทาง

ทั้งหมดเดินเท้าเข้าประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติ โดยบางรายไม่มีทรัพย์สินติดตัว โทรศัพท์ถูกยึดหรือบังคับขายก่อนหลบหนีออกจากฝั่งกัมพูชา จากการสอบถามเบื้องต้น ผู้หลบหนีทั้ง 5 รายให้ข้อมูลตรงกันว่า ถูกชักชวนผ่าน Facebook และ LINE ให้ไปทำงานเป็น “แอดมินตอบแช็ต” หรือ “งานออนไลน์” อ้างว่างานสบาย รายได้เดือนละ 18,000–30,000 บาท มีที่พักและมีคนอำนวยความสะดวกเรื่องการเดินทาง จึงหลงเชื่อ โดยนายหน้าฝั่งไทยมารับตัวที่ อ.อรัญประเทศ ก่อนนำพาเดินเท้าผ่านแนวป่าสวนยาง ขึ้นเรือท้องถิ่น และใช้รถจักรยานยนต์ ลอบพาเข้าเขตปอยเปต โดยไม่ผ่านช่องทางตรวจคนเข้าเมือง เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง ผู้เสียหายถูกนำตัวเข้า อาคารคอลเซ็นเตอร์/เว็บพนันทันที

จากนั้นถูกยึดโทรศัพท์ ยึดบัตรประชาชน ถูกบังคับเซ็นสัญญา ถูกบังคับให้ทำงานวันละหลายชั่วโมง หากทำยอดไม่ได้จะถูกดุด่า–ขู่ทำร้าย หรือบางครั้งลงมือทำร้ายร่างกายจริง บางรายถูกย้ายตึก ย้ายเมืองไปเรื่อย ๆ เพื่อกันไม่ให้หลบหนีได้ง่าย โดยช่วงวันที่ 14 – 15 พ.ย.68 แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการเคลื่อนย้ายพนักงานไปยังพื้นที่เทศบาลบาเวต จ.สวายเรียง โดยใช้รถบัสขนาดใหญ่ ผู้เสียหายทั้ง 5 รายอาศัยจังหวะช่วงขึ้น–ลงรถ วิ่งหลบหนีออกมาจากกลุ่มคนคุม ดูจังหวะพื้นที่ร้างและวิ่งหลบหนีอย่างกระจัดกระจาย ขณะหลบหนีมีกลุ่มชายชาวกัมพูชาและชาวจีนวิ่งติดตาม บางช่วงได้ยินเสียงตะโกนและเสียงรถจักรยานยนต์ไล่ตาม แต่ทั้งหมดพยายามหลบเข้าแนวป่าละเมาะและบ้านเรือนร้างจนสามารถหลุดรอดได้ และขอความช่วยเหลือจากกลุ่มอาสา ก่อนถูกส่งเข้าเขตชายแดนไทย

หลังหลบหนีมาได้ แต่ละคนได้พยายามติดต่อญาติในไทย เพื่อแจ้งไปยังมูลนิธิ IMF (ศูนย์ช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน) ซึ่งมักช่วยประสานผู้หลงผิดที่หนีออกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศ ต่อมามีชายไทยชื่อ “วิน” ในพื้นที่ปอยเปต เดินทางไปรับกลุ่มผู้เสียหาย พาไปพักตามบ้านพักและโรงแรมชั่วคราวหลายแห่ง และประสานหาวิธีนำกลับชายแดนไทย และอ้างค่าใช้จ่ายด้านการเดินทาง อย่างไรก็ตาม มีผู้เสียหายส่วนหนึ่งระบุว่า ชายชื่อวินได้ยึดโทรศัพท์ไป “เพื่อลบข้อมูล” และบางเครื่องถูกนำไปขาย อ้างเป็นค่าใช้จ่ายเกื้อหนุนระหว่างหลบหนี โดยเดินเท้ากลับไทย และจ่ายค่าเข้าชายแดน 2,000–3,000 บาทต่อคน จากนั้นนายวินได้ส่งทั้งหมดไปยังแนวรอยต่อไทย–กัมพูชา โดยให้เดินเท้าตามแนวคลอง ป่าละเมาะ โซนไร่มันสำปะหลัง จนถึงแนวรั้วลวดหนามหีบเพลง หลังจากนั้นทั้งหมดได้มุดรั้วลวดหนาม และเดินเข้ามาในเขตไทย

เมื่อเข้ามาถึงบริเวณบ้านดงงู เจ้าหน้าที่ที่กำลังลาดตระเวนอยู่พอดี จึงตรวจพบและจับกุมทั้งหมด เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย โดยกองกำลังบูรพาได้ประสาน สภ.คลองลึก ทำบันทึกจับกุมและดำเนินคดีฐานเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พร้อมคัดกรองว่ามีผู้ใดเข้าข่ายเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พร้อมทั้งรายงานไปยังหน่วยงานด้านสังคมสงเคราะห์และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อดำเนินการตามลำดับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง