อสม. สุดงงสามีและลูกสาว ถูกอายัดบัญชีเดือดร้อนไม่มีเงินใช้ ต้องยืมญาติและเพื่อนบ้าน ยันครอบครัวไม่เคยทำผิดกฎหมาย
(22 ต.ค.68) นางแก้ว อาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม.บ้านขาม หมู่ 7 ต.ตาเสา อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ พร้อมนายเกษม สามี ซึ่งมีอาชีพทำการเกษตรและรับตัดเย็บเสื้อผ้า ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรมและขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังจากนายเกษม สามีและลูกสาว ซึ่งทำงานบริษัทอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ถูกอายัดบัญชี ทำให้ได้รับความเดือดร้อนไม่มีเงินใช้ ต้องไปหยิบยืมเงินญาติและเพื่อนบ้าน
โดยนางแก้ว ยืนยันว่า ครอบครัวประกอบอาชีพสุจริต ไม่เคยทำผิดกฎหมาย แต่ทำไมจู่ๆ ถูกอายัดบัญชี พอไปสอบถามทางธนาคาร ธกส. ซึ่งเปิดบัญชีชื่อของสามี เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า ทางธนาคารดำเนินการตามที่ตำรวจประสานมา ส่วนข้อมูลรายละเอียดต้องไปสอบถามกับตำรวจที่ทำเรื่องมาให้ทางธนาคารอายัดบัญชี จากนั้นจึงได้ขอสเตทเมนต์จากทางธนาคาร พร้อมสมุดบัญชี ไปติดต่อสอบถามที่สถานีตำรวจภูธรห้วยราช ตามที่ธนาคารแนะนำ ซึ่งตำรวจก็บอกเพียงว่ามีคนมาแจ้งความร้องทุกข์ที่โรงพักว่าบัญชีของสามีและลูกสาว เกี่ยวข้องกับกระทำผิดกฎหมาย จึงต้องทำการอายัดเพื่อตรวจสอบ แต่ตำรวจไม่บอกรายละเอียดว่าเป็นการกระทำผิดเกี่ยวกับเรื่องอะไร ยิ่งทำให้ครอบครัวรู้สึกไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าจะถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยทำอะไรผิดกฎหมายเลย
นายเกษม ผู้เป็นสามี บอกว่า ตนเองมีอาชีพทำนาและเลี้ยงวัว ควาย และช่วยภรรยาเย็บผ้า มีบัญชีแค่บัญชีเดียว วันก่อนเอาบัตร ATM ไปกดถอนเงินที่ตู้เพื่อจะนำเงินไปซื้อของทำบุญทอดกฐินและเก็บไว้ใช้จ่ายในครอบครัว ปรากฏว่าไม่สามารถถอนเงินได้ก็ลองกด 2-3 ครั้ง ก็ไม่ได้ ทั้งที่ยังมีเงินเก็บในบัญชีอยู่กว่า 180,000 บาท จึงไปถามเจ้าหน้าที่ธนาคารก็บอกว่าบัญชีถูกอายัด ส่วนรายละเอียดในการอายัดต้องไปถามทางตำรวจ แต่พอไปถามตำรวจก็บอกแค่ว่ามีคนมาแจ้งความ แต่ไม่บอกรายละเอียดอย่างอื่นเลย ก็ยืนยันว่าไม่เคยทำอะไรผิดกฎหมาย ตอนนี้เดือดร้อนมาก เพราะไม่มีเงินใช้จ่ายในครอบครัวเลย ก็อยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและปลดอายัดให้โดยเร็วด้วย
ด้านนางแก้ว อสม. บอกว่า บัญชีดังกล่าวเปิดเป็นชื่อของสามี แต่ตนเป็นคนดูแลเรื่องการเบิกจ่ายเพื่อใช้จ่ายในครอบครัว เงินที่เข้าบัญชีก็มีทั้งเงินที่ลูกสาวโอนมาให้ใช้ เงินจากการขายข้าว ขายวัว และรับจ้างเย็บผ้าให้กับบริษัท ยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายเลย ก็งงว่าทำไมทั้งบัญชีของสามี และลูกสาวถึงถูกอายัด แต่เมื่อประมาณ 5-6 ปี ที่ผ่านมา พี่สาวได้นำที่ 5 ไร่ไปจำนอง นายทุนแล้วหลุด ถูกฟ้องขายทอดตลาด ซึ่งตนก็ไปประมูลซื้อทรัพย์ที่ดินแปลงดังกล่าวมาในราคา 6 แสนบาท จากบังคับคดี จากนั้นบังคับคดีได้คืนเงินให้นายทุนซึ่งเป็นคนรับจำนอง แล้วประสานให้พี่สาวของตนเองซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินมารับเงินส่วนต่างประมาณ 400,000 กว่าบาท โดยพี่สาวได้มอบอำนาจให้ตนเองไปดำเนินเรื่องเอกสารรับเงินส่วนต่าง โดยทางบังคับคดีจ่ายเป็นเช็ค แล้วตนก็นำไปขึ้นที่ธนาคารโดยโอนเงินเข้าบัญชีพี่สาว ซึ่งตอนนั้นพี่สาวได้มาใช้ชีวิตกินอยู่ที่บ้านของตัวเอง เพราะพี่สาวเลิกรากับสามีประกอบกับเป็นคนชอบดื่มด้วย ตนจึงดูแลบัญชีให้ เวลาพี่สาวอยากเบิกถอนไปใช้ก็จะบอกตนเอง ซึ่งยอมรับว่ามีการโอนเงินจากบัญชีของพี่สาว เข้าในบัญชีของสามีครั้งละ 5 พัน 15,000 , 30,000 และ 60,000 อีก 3 ครั้ง รวมแล้วก็ประมาณ 2 แสนกว่าบาท แต่พี่สาวก็รับรู้เพราะการกินอยู่ของพี่สาว ตนกับสามีก็เป็นคนดูแลรับผิดชอบ แต่เรื่องนี้ก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว
หากพี่สาวติดใจไปแจ้งความ ทำไมตำรวนไม่แจ้งรายละเอียดให้ทราบว่าผิดอะไร และถ้าหากเป็นเรื่องนี้ทำไมถึงขั้นถูกอายัดบัญชี ครอบครัวก็จะได้หาหลักฐานไปชี้แจงที่ไปที่มา ไม่ใช่อายัดแล้วปล่อยให้เดือดร้อนแบบนี้
จากนั้นทีมข่าวก็โทรศัพท์ไปสอบถามพนักงานสอบสวนที่ สภ.ห้วยราช ก็บอกข้อมูลเพียงว่า มีคนมาแจ้งความร้องทุกข์ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และหลักฐานอื่นประกอบ ว่าผู้ที่ถูกอายัดบัญชีมีการกระทำผิดกฎหมายอย่างไร และบัญชีจะถูกอายัดนานแค่ไหน ก็ต้องขึ้นอยู่กับทางธนาคารที่จะส่งสเตทเมนต์มาให้