เร่งตรวจสอบลูกระเบิด M79 ยึดจากคลังขนส่งเอกชน สงขลา ยันไม่ใช่ของกองทัพฯ

เร่งตรวจสอบลูกระเบิด M79 ยึดจากคลังขนส่งเอกชน สงขลา ยันไม่ใช่ของกองทัพฯ

View icon 5.0K
วันที่ 23 ต.ค. 2568 | 18.26 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. ยัน ลูกระเบิด M79 ยึดจากคลังขนส่งสินค้าเอกชนสงขลา ปลายทางแม่สอด ไม่ใช่ของกองทัพฯ เร่งสอบอดีตทหารพราน ผู้จัดหา หาแหล่งที่มา

วันนี้ (23 ต.ค.68) พันเอก เอกวริทธิ์  ชอบชูผล รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และหัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แถลงถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ยึดลูกระเบิด M79 ได้จากคลังสินค้าของบริษัทขนส่งเอกชน ในอำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ลูกระเบิดดังกล่าวพบว่ามีต้นทางการส่งจากอำเภอยี่งอ จังหวัดนราธวาส ปลายทางผู้รับอยู่ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยช่วงค่ำวานนี้ เจ้าหน้าที่กองกำลังผสม จังหวัดชายแดนภาคใต้ จับกุมนายกีซัม อดีตทหารพราน ที่หน้าร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในจังหวัดปัตตานี ก่อนนำไปศูนย์ซักถาม

เบื้องต้น นายกีซัม รับสารภาพว่า เป็นผู้จัดส่งลูกกระสุนดังกล่าวจริง โดยช่วงเดือน ก.ค. – ส.ค.68 ได้รับการติดต่อจากบุคคลรายหนึ่ง ที่รู้จักกันทางโซเชียลว่า ต้องการจัดหาลูกกระสุนปืนขนาด 40 มิลลิเมตร ตนจึงได้ติดต่อไปยังผู้จัดหารายหนึ่ง เพื่อดำเนินการจัดหา และตกลงราคาซื้อขายกันผ่านช่องทางโซเชียล จากนั้นวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา ผู้จัดหาแจ้งว่า จัดหาลูกกระสุนได้แล้ว แต่ยังไม่สะดวกส่งมอบของ กระทั่งช่วงเที่ยงคืนวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา นัดหมายส่งมอบของที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ใกล้แยกมลายู-บางกอก ตำบลสะเตงนอก อำเภอเมือง จังหวัดยะลา

ต่อมา นายกีซัม ได้ติดต่อกลับไปยังผู้ว่าจ้าง เพื่อแจ้งราคาลูกกระสุนและขอให้โอนเงินค่าซื้อขายเข้าบัญชีของญาติ แล้วนายกีซัม ก็ไปรับของตามนัด โดยโอนเงินให้ผู้จัดหาผ่านบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง ก่อนนำลูกกระสุนกลับมาที่บ้านในจังหวัดนราธิวาส และนำลูกกระสุนดังกล่าวบรรจุพัสดุ ส่งผ่านบริษัทขนส่งเอกชน วันที่ 21 ต.ค. โดยใช้ชื่อและที่อยู่ปลอมทั้งผู้ส่งและผู้รับ รวมทั้งหมายเลขโทรศัพท์ที่ซื้อล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์ เพื่อปกปิดตัวตนและติดตามการจัดส่งพัสดุด้วยตนเอง กระทั่งถูกจับกุมได้

ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบที่มาของลูกระเบิด M79 ไม่พบว่าอยู่ในบัญชีสิ่งอุปกรณ์ที่ใช้ในกองทัพบก จึงสอบสวนเชิงลึกต่อเพื่อขยายผลหาแหล่งที่มา และผู้ร่วมขบวนการ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างรอบคอบและโปร่งใส ซี่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ ในการสอดส่องดูแลพื้นที่ และขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันเฝ้าระวัง หากพบเห็นสิ่งผิดปกติ บุคคลต้องสงสัย หรือพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. โทร. 1341 หรือแจ้งต่อหน่วยเฉพาะกิจจังหวัด ในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และขอเน้นย้ำว่า การให้การสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำผิดในลักษณะใด ๆ ก็ตาม เช่น การนำพาหลบหนี การให้ที่พักพิง หรือการสนับสนุนด้านเสบียงอาหาร ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง