โฆษก กต. ยันวง JBC ไม่มีคุยแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน โต้ ฮุน มาเนต เป็นคนนอก ไม่ได้ร่วมประชุม โพสต์ข้อความโซเชียวไม่มีน้ำหนัก พร้อมย้ำ ความสำเร็จไทย ดึงกัมพูชากลับมาร่วมหารือทวิภาคี
วันนี้ (24 ต.ค.68) ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชาล่าสุดว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ประเทศสมาชิกอาเซียน รวมทั้งภาคีภายนอก ต่างให้ความสนใจและติดตาม ซึ่งไทยยืนยันอย่างชัดเจนมาโดยตลอดว่าปัญหาดังกล่าว เป็นประเด็นทวิภาคีที่ทั้งสองประเทศต้องหาทางออกร่วมกัน
สำหรับการประชุมระดับทวิภาคีที่สำคัญในห้วงที่ผ่านมา คือการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย - กัมพูชา ที่จังหวัดจันทบุรี และการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยพิเศษ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซีย มีความคืบหน้าทั้ง 4 ประเด็นที่ไทยผลักดัน คือการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน การเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกัน การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ถือว่าไทยประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในการนำกัมพูชากลับเข้ามาสู่การเจรจากับไทยอย่างเต็มตัว ในประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ของไทย และเป็นการปูทางไปสู่การลงนามเอกสารคำประกาศที่จะนำไปสู่สันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชา ในห้วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ในวันที่ 26 - 28 ต.ค.นี้ โดยจะมีสหรัฐ และมาเลเซีย ร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์และสักขีพยานการลงนาม
อย่างไรก็ตาม ความจริงใจของฝ่ายกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ยังคงเป็นประเด็นสำคัญต่อการลดความเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาไม่เคยตกลงเจรจาในการวางแผนดำเนินการ (Action Plan) กับไทย การเจรจาครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าที่ไม่เคยมีมาก่อน และคาดว่าฝ่ายความมั่นคงของไทย จะเร่งผลักดันการดำเนินงานตามแผนให้เกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุด โดยเฉพาะในห้วง 1-2 วันนี้ เพื่อพิสูจน์ความจริงใจ และนำไปสู่การลงนามสันติภาพ เมื่อมีการลงนามแล้วก็จะมีประชาคมระหว่างประเทศ ร่วมเป็นสักขีพยานและผู้สังเกตการณ์ ซึ่งที่ผ่านมายืนยันว่าไทยได้ทำตามทุกสิ่งที่พูดและตกลงกันไว้ เหลือเพียงติดตามการดำเนินการของฝ่ายกัมพูชา ที่คาดว่าน่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยฝ่ายกัมพูชาจะยึดมั่นตามข้อตกลงที่เกิดขึ้น
ส่วนกรณีที่ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการใช้แผนที่ 1 : 200,000 ยืนยันว่าในการประชุม JBC สมัยวิสามัญ ครั้งล่าสุด เป็นการดำเนินการบนพื้นฐานของการสำรวจหาหลักเขตแดนเดิมที่มีอยู่แล้ว ไม่ได้ หารือเกี่ยวกับประเด็นแผนที่ 1 : 200,000 แต่อย่างใด การโพสต์ข้อความดังกล่าวจึงอาจถือได้ว่าไม่มีน้ำหนักใด ๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ไม่ได้ร่วมเป็นคณะกรรมการ หรืออยู่ในที่ประชุม JBC เพราะความหนักแน่นของข้อสรุปการประชุม ย่อมอยู่ที่ประธานการประชุมฯ และคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคในด้านการกำหนดเขตแดน เช่น ผู้แทนจากกรมแผนที่ทหาร กรมสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ผ่านการหารือกันอย่างเข้มข้น แม้จะเป็นผู้นำประเทศ แต่เมื่อไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ หรืออยู่ในวงประชุม น้ำหนักของถ้อยคำที่กล่าว ย่อมน้อยกว่าผู้ที่อยู่ในวงประชุมแน่นอน
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า ไทยจะยืนหยัดในอธิปไตย ผลประโยชน์ของชาติ และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ ส่วนการเตรียมสร้างรั้วในพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชานั้น ฝ่ายไทยจะเริ่มดำเนินการสร้างรั้วในบริเวณที่มีความชัดเจนของเส้นเขตแดนแล้ว และจะอยู่ภายในเขตอธิปไตยของไทย เพื่อรักษาความปลอดภัยความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน ตลอดจนป้องกันภัยคุกคามข้ามแดนระหว่างทั้งสองประเทศ
ขณะนี้ กลไกทวิภาคีกำลังดำเนินไปด้วยดี มีความคืบหน้าและมีพัฒนาการที่เป็นรูปธรรม และฝ่ายไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้งสองฝ่ายจะสามารถเจรจาหารือกันต่อไปด้วยความจริงใจและสุจริตใจ เพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมาเป็นปกติได้ต่อไป