เช้านี้ที่หมอชิต - สถานการณ์ชายแดน ไทย-เมียนมายังไม่มีความวุ่นวายตามมาเพิ่ม หลังเกิดการระเบิดอาคารต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 ขณะที่ตัวเลขผู้หลบหนีเข้าเมืองจากการบุกทลายฐานสแกมเมอร์ในเมืองเคเคปาร์ก ยังอยู่ที่กว่า 1,200 คน
กลุ่มควันที่ลอยขึ้นเหนือเมืองเคเคปาร์ก จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม "บ้านแม่กุใหม่ท่าซุง" ตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ถูกระบุว่าเป็นการระเบิดอาคารฐานที่ตั้งกลุ่มสแกมเมอร์ โดยฝีมือของกองกำลังบีจีเอฟ
โดยสาเหตุที่ต้องทำลายอาคารที่ทำการแก๊งคอลเซนเตอร์ต่อเนื่องนั้น มีการคาดการณ์ว่าเพื่อทำลายหลักฐานและข้อมูลสำคัญในการประกอบกิจการภายในเคเคปาร์ก ก่อนที่จะถูกตรวจสอบ
แม้แรงระเบิดไม่รุนแรงเท่าเมื่อวันศุกร์ที่ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ถึงแผ่นดินไทย แต่แรงระเบิดยังทำให้เศษวัสดุก่อสร้างลอยข้ามฟากมาตกใส่หลังคาบ้านเรือนชาวบ้านที่บ้านแม่กุใหม่ท่าซุง จนได้รับความเสียหายเล็กน้อย เคราะห์ดีไม่มีใครบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
ขณะที่ในฝั่งไทย เมื่อวาน (26 ต.ค.) แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 และรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เข้าประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยเฉพาะเรื่องสถานที่รองรับผู้หลบหนีเข้าเมือง ซึ่งเตรียมไว้เพิ่มอีก 2 แห่ง
จากนั้นได้เดินทางต่อไปที่จุดตรวจบ้านห้วยหินฝน ถนนสายตาก-แม่สอด ตำบลแม่ปะ เพื่อดูระบบการป้องกันการลักลอบเข้าเมือง และไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ดูการคัดกรองชาวต่างชาติที่อยู่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ซึ่งได้พบกับเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย โดยมีการพูดคุยกันถึงปัญหาการค้ามนุษย์ และขอความร่วมมือจากทางอินเดียให้เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อแก๊งสแกมเมอร์ หลังจากพบเหยื่อมากกว่าชาติอื่น
สำหรับตัวเลขชาวต่างชาติที่ลักลอบหนีจากเคเคปาร์ก เข้าไทยผิดกฎหมาย มี 28 สัญชาติ รวม 1,280 คน ปัจจุบันคัดกรองไปได้มากกว่า 300 คน หากพบว่าคนใดที่มีหมายจับ หรือไม่ได้อยู่ในสถานะเหยื่อก็จะถูกดำเนินคดี
ส่วนการพบคนที่พกสัมภาระ และภายในมีเงินสดติดตัวมากเกินกฎหมายกำหนด จะถูกตรวจสอบเชิงลึก เพื่อสอบที่มาของเงิน และก่อนดำเนินการตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ต่อไป