วันนี้ (28 ต.ค. 68) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหานายธนัชพงศ์ อายุ 59 ปี ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ 298/2568 ลงวันที่ 22 เมษายน 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง”
พฤติการณ์ เนื่องด้วยในช่วงปี 65-67 กลุ่มผู้เสียหาย ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนในหลายท้องที่ว่า นายธนัชพงศ์ มีพฤติการณ์ในการแอบอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ตามช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ
โดยอ้างว่ากำลังเปิดบริษัทด้านการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล และส่งภาพสำนักงานรวมทั้งที่อยู่บริษัท จากนั้นนัดผู้เสียหายไปดูสถานที่จริงเพื่อให้เกิดความไว้วางใจ โดยภายในสถานที่มีบุคคลอ้างตนเป็นผู้บริหารและมีภาพนายทหารติดอยู่บนผนัง อ้างว่าเป็นที่ปรึกษาของบริษัท ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าบริษัทมีอยู่จริง
เมื่อผู้เสียหายไว้วางใจแล้วได้ชักชวนให้ผู้เสียหายโอนเงินระดมทุนลงทุนในทรัพย์สินดิจิทัลกับ นายธนัชพงศ์ โดยให้โอนเงินให้นายธนัชพงศ์ ใช้เทรดคริปโทเคอร์เรนซี โดยเสนอผลตอบแทนสูงถึงร้อยละ 20-25 ต่อเดือน และยังมีการจ่ายปันผลให้กับผู้ร่วมระดมทุนทุก ๆ เดือน โดยมีการส่งสัญญาปลอมให้กับผู้เสียหายเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ โดยเมื่อผู้เสียหายโอนเงินไปร่วมระดมทุนแล้วก็ได้รับเงินปันผลคืนในเดือนแรก
เมื่อผู้เสียหายเชื่อว่าลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนจริง ได้มีการเสนอ” โปรโมชั่นพิเศษ” ให้กับผู้เสียหาย โดยเป็นการลงทุนในเหรียญ “Baby Doge Zilla (BDZ)” เป็นเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีใหม่ กำลังจะถูกนำเข้าสู่กระดานซื้อขายเหรียญสกุลเงินดิจิทัล (Exchange) ชั้นนำของต่างประเทศภายในไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งเมื่อเหรียญถูกนำเข้าซื้อขายแล้ว ราคาจะพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าอย่างแน่นอน
นายธนัชพงศ์ มีการรับประกันว่าถ้าลงทุนในเหรียญดังกล่าว 100,000 บาท แล้วต่อมาเมื่อเหรียญถูกนำเข้าสู่กระดานซื้อขาย แล้วจะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 10 ล้านบาท ภายในไม่กี่สัปดาห์ พร้อมทั้งอ้างว่ามีบุคคลผู้มีชื่อเสียงทางการเมืองและนักธุรกิจรายใหญ่คอยให้การสนับสนุน และยังรับประกันว่าจะซื้อคืนหากเกิดปัญหา ผู้เสียหายหลายรายจึงหลงเชื่อและโอนเงิน และเหรียญดิจิทัล USDT ให้นายธนัชพงศ์ เพื่อลงทุน แต่เมื่อถึงกำหนดการเข้ากระดานซื้อขายตามที่อ้างกลับถูกบ่ายเบี่ยง และเลื่อนออกไปเรื่อย ๆ และสุดท้ายไม่สามารถขายหรือแลกเปลี่ยนได้จริง
ต่อมา พนักงานสอบสวน สน.สายไหม ได้ดำเนินคดีกับนายธนัชพงศ์ และศาลอาญามีนบุรีมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกเป็นเวลา 30 เดือน ภายหลัง นายธนัชพงศ์ ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวเพื่อสู้คดี แต่เมื่อได้รับการอนุญาตแล้วกลับไม่มารายงานตัวต่อศาลตามกำหนดนัด เป็นเหตุให้ศาลออกหมายจับเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม
จากการสืบสวนติดตามตัว พบว่านายธนัชพงศ์ ได้หลบหนีออกจากภูมิลำเนาเดิมในพื้นที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ไปกบดานอยู่ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งใน อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ลักษณะบ้านปิดประตูหน้าต่างมิดชิด เจ้าตัวเก็บตัวเงียบไม่สุงสิงกับผู้ใด
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่อง กระทั่งในช่วงเช้ามืดวันที่ (25 ต.ค.68) พบตัวนายธนัชพงศ์ ออกจากบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมตัวได้ และนำส่งศาลอาญามีนบุรีเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป