29 ต.ค. 68 เมื่อเวลา 02.30 น. ที่ผ่านมา ศูนย์วิทยุกู้ภัยทางหลวงมอเตอร์เวย์ ได้รับแจ้งเหตุรถชนกันจำนวนหลายคันมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ที่บริเวณ ถนนมอเตอร์เวย์ ทล.7 (กรุงเทพฯ-บ้านฉาง) ช่วง กม.86+900 มุ่งหน้าเข้าพัทยา ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จึงประสาน พ.ต.ท.รัตพล วรรณะ รองผู้กำกับการ สถานีตำรวจทางหลวงที่ 1 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวงเขาเขียว เจ้าหน้าที่กู้ภัยทางหลวง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยเพียวเยี่ยงไท้ศรีราชา เข้าร่วมตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ชนกันจำนวน 5 คัน เป็นรถบรรทุก สีขาว, คันที่ 2 รถเก๋ง สีขาว ทะเบียน บึงกาฬ, คันที่ 3 รถเอนกประสงค์ โตโยต้า เวลอส สีบรอนซ์ ทะเบียน กรุงเทพฯ, คันที่4 รถเก๋ง ไออ้อน สีขาว ทะเบียนกรุงเทพฯ และคันที่ 5 รถเก๋ง โตโยต้า คัมรี่ สีดำ ทะเบียน 5 กอ-5210 กรุงเทพฯ
โดยพบผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 คน เป็นชายและหญิง นอนกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นถนน เจ้าหน้าที่ได้เข้าช่วยเหลือและนำส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลในพื้นที่ อ.ศรีราชา อย่างเร่งด่วน ในที่เกิดเหตุยังพบร่างผู้เสียชีวิตจำนวน 3 คน ได้แก่ น.ส.จิรวดี อายุ 22 ปี (พลเมืองดี) นอนเสียชีวิตอยู่บนถนน นายภานุพันธ์ รัศมีรัตน์ อายุ 42 ปี (คนขับรถยนต์เก๋งคัมรี่) เสียชีวิตอยู่หน้ารถ ถูกชนติดกับแบริเออร์กั้นกลางถนน และนายยอน อายุ 43 ปี สัญชาติเกาหลี เสียชีวิตอยู่ภายในรถเก๋งคัมรี่
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีรถเก๋งชนท้ายกับรถบรรทุกพ่วงอยู่ก่อนแล้ว และมีพลเมืองดีคือ น.ส.จิรวดี ได้ลงมาช่วยโบกรถส่งสัญญาณให้รถคันหลัง ๆ ได้รู้ว่ามีอุบัติเหตุ จนรถเก๋งที่ขับตามมาด้วยความเร็ว เบรกกันไม่ทัน จึงพุ่งชนซ้ำต่อ ๆ กันไป จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 คน และเสียชีวิตจำนวน 3 คน ซึ่งทราบอีกว่า นายภานุพันธ์ คนขับรถคัมรี่ที่เสียชีวิต ขับรถจากพัทยาไปรับ นายยอน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อจะรับกลับมาเที่ยวที่พัทยา แต่มาเกิดอุบัติเหตุ ทำให้เสียชีวิต
จากการสอบถาม นายมนตรี สัมมาวัฒนกุล อายุ 42 ปี คนขับรถยนต์โตโยต้า เวลอส เปิดเผยด้วยความมึนงง ว่า ตนเองและเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บ ไปงานศพที่กรุงเทพฯ ก่อนเดินทางกลับพัทยา โดยยอมรับว่าขับมาด้วยความเร็วกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พอมาถึงที่เกิดเหตุ ตนเองไม่เห็นว่ามีรถชนกันอยู่หรือเกิดเหตุอะไรกันขึ้น จึงพยายามเบรก ก่อนที่รถจะพุ่งชนรถที่จอดอยู่บนถนนแล้วก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุและสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อให้ทราบเหตุการณ์ที่แท้จริงต่อไป หลังจากที่ผู้ได้รับบาดเจ็บทำการรักษาตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว