ห้องข่าวภาคเที่ยง - ศพหญิงไทยพลัดตกตึกในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา กำลังจะถูกส่งข้ามแดนมาฝั่งไทยในวันนี้ ขณะที่ หัวหน้าศูนย์ IMF ภาคตะวันออก ตั้งข้อสังเกตว่านี่อาจเป็นคดีฆาตกรรม มากกว่าการฆ่าตัวตาย
วานนี้ สำนักงานประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุ นางสาวกนกวรรณ หรือ ใบหม่อน อายุ 27 ปี พลัดตกอาคาร "แอร์วูด" หรือ Attwood Import Export ชั้น 3 ที่ บ้านกะบาลสะเปียน แขวงโอวโจรว เมืองปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ประมาณ 500 เมตร
ที่เกิดเหตุเป็นอาคาร 4 ชั้น ขณะเกิดเหตุมีหน้าต่าง 2 บานเปิดออกมาจากชั้น 3 และ 4 ซึ่งตามข้อมูลทราบว่าผู้ตายพลัดตกจากชั้น 3 แต่ที่ชั้น 4 ก็มีความเคลื่อนไหว และเป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้ตายอาจตกมาจากดาดฟ้า เพราะช่องหน้าต่างดูแคบเกินไป
เบื้องต้นตำรวจกัมพูชาสอบถามพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุ ทราบว่ามีผู้พบเห็น นางสาวกนกวรรณ เดินวนเวียนอยู่ในอาคารตั้งแต่ช่วงกลางคืน ก่อนจะตกจากอาคาร
ส่วน น้าชายของผู้ตาย ที่จังหวัดขอนแก่น บอกว่า ทราบข่าวผ่านสื่อ ก่อนที่แม่ของหลานสาวจะโทรศัพท์มาบอกว่าหลานสาวเสียชีวิต ยอมรับว่า ตกใจและติดใจสาเหตุการเสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติ
ขณะที่เพื่อนบ้านที่เห็น "น้องใบหม่อน" มาตั้งแต่เด็ก บอกไม่ทราบว่าผู้ตายไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา และยืนยันว่า "น้องใบหม่อน" ในช่วงวัยเด็กมีอาการเก็บกด
ด้าน หัวหน้าศูนย์ประสานช่วยเหลือคนไทยในต่างแดนภาคตะวันออก หรือ IMF พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้นำรถกู้ภัยเตรียมรอรับศพ "น้องใบหม่อน" บริเวณหน้าด่านชายแดน เพื่อนำไปส่งให้ญาติจัดพิธีกรรมทางศาสนา แต่ก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำศพมาส่งให้
แม้ตำรวจกัมพูชาตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ หัวหน้าศูนย์ IMF มองว่าอาจเป็นจัดฉาก เพราะจากข้อมูลตึกที่เกิดเหตุเป็นตึกที่ทำเทรดหุ้น เคยมีชาวจีนมาเช่าใช้เป็นฐานแก๊งคอลเซนเตอร์ และฝั่งตรงข้ามตึกก็เป็นป้อมตำรวจกัมพูชา อีกทั้งก่อนหน้านี้ มีเงินหายไป 18 ล้านบาท โดย "น้องใบหม่อน" รับผิดชอบดูแลร่วมกับเพื่อนร่วมงานอีกคน
ขณะที่ทีมข่าวสอบถามเรื่องนี้กับ พลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ ในฐานะรองผู้อำนวยการ ศปอส.ตร. บอกว่า ได้ให้ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ และตำรวจไซเบอร์ ตรวจสอบเคสไอดี ที่เคยมีคนแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อนำมาประกอบข้อมูลการสืบสวนสอบสวนแล้ว ขณะที่ พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ที่เป็นผู้ประสานงาน ไทย-กัมพูชา ก็จะนำเรื่องนี้ไปหารือกับทางการกัมพูชา เพื่อให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
อย่างไรก็ตามจากการค้นหาข้อมูลในโซเชียลฯ ทีมข่าวพบข้อมูลการเตือนภัยบุคคลที่มีชื่อคล้ายกับผู้เสียชีวิต ที่มีผู้เสียหายสั่งซื้อสินค้าแล้วไม่ได้รับสินค้า ซึ่งต้องรอยืนยันว่าใช่บุคคลเดียวกัน หรือไม่
สำหรับเรื่องการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา ตอนนี้ไม่ได้มีแค่จีน, สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้เท่านั้น ที่ออกมาเคลื่อนไหว ล่าสุด "สิงคโปร์" ออกมาพูดชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วเหมือนกัน
อ้างอิงจากข้อมูลจากสำนักข่าวหลายแห่งของสิงคโปร์ รายงานว่า กองกำลังตำรวจสิงคโปร์ หรือ SPF เปิดเผยแถลงการณ์เมื่อวานนี้ ว่า ได้มีการออกหมายจับผู้ต้องสงสัยชาวสิงคโปร์ 27 คน และชาวมาเลเซีย 7 คน ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา ซึ่งมีเป้าหมายหลอกลวงเหยื่อในสิงคโปร์ และมีฐานปฏิบัติการอยู่ในกรุงพนมเพญ
โดยเชื่อว่ากลุ่มผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงอย่างน้อย 438 คดีรวมความเสียหายกว่า 41 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือกว่า 1,024 ล้านบาท และกลุ่มผู้ต้องสงสัยทั้ง 27 คน ก็ไม่ได้อยู่ในสิงคโปร์ โดยทางการกำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานนานาชาติ เพื่อค้นหาและจับกุม