รวบชายชาวจีนแก๊งคอลเซนเตอร์ ทำหน้าที่ฟอกเงินแลกเหรียญคริปโทฯ

รวบชายชาวจีนแก๊งคอลเซนเตอร์ ทำหน้าที่ฟอกเงินแลกเหรียญคริปโทฯ

View icon 132
วันที่ 2 พ.ย. 2568 | 14.21 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ตำรวจบุกรวบคาลานจอดรถห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ชายชาวจีนเอี่ยวแก๊งคอลเซนเตอร์ ถือวีซ่านักศึกษา ฟอกเงิน แลกเหรียญคลิปโทฯในไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจฝ่ายสืบสวนนครบาล 2 (บก.น.2) ร่วมกับฝ่ายสืบสวน สน.สุทธิสาร ภายใต้อำนวยการของ พ.ต.อ.พรเทพ เฉลิมเกียรติ ผกก.สน.สุทธิสาร พร้อม พ.ต.ท.นิติธร ยศโชตวณิช รอง ผกก.สส.สน.สุทธิสาร สั่งการให้ พ.ต.ท.ภัทรพล วิศวกรภักดี สว.สส.สน.สุทธิสาร พร้อมกำลังฝ่ายสืบสวน จับกุมผู้ต้องหาชายชาวจีน อายุ 38 ปี เอี่ยวแก๊งคอลเซนเตอร์ ทำหน้าที่ฟอกเงิน และแลกเหรียญคริปโทฯ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 6349/2568 ลงวันที่ 31 ต.ค. 68 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิด ฐานฟอกเงินและร่วมกันเงิน ร่วมกันประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต และ เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” โดยสามารถจับกุมได้ที่ลานจอดรถภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ถ.พระราม 9 แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 68 ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับ ว่าชายชาวจีนคนดังกล่าว ปรากฏตัวที่บริเวณ ลานจอดรถชั้น 5A จึงได้เดินทางไปติดตามตัว ต่อมาเวลาประมาณ 16.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบชายชาวจีนดังกล่าว จึงได้แสดงตนเข้าจับกุม พร้อมแสดงหมายจับ และอ่านข้อหา แต่ผ็ต้องหาชาวจีนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบโทรศัพท์ของผู้ต้องหา พบหลักฐานเป็นสลิปการโอนเงินไปยังเพื่อนชาติเดียวกัน จำนวนเงิน 46,000 บาท โดยอ้างว่ามีความสัมพันธ์กันในลักษณะเป็นเพื่อนร่วมทำธุรกิจรับแลกเหรียญคริปโทฯ นอกจากนี้ยังตรวจพบสลิปการโอนเงินคริปโทฯซึ่งเชื่อมโยงกับกระเป๋าเงินดิจิทัล ที่ปรากฏในผลการสืบสวน และจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าเป็นกระเป๋าที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มรับแลกเหรียญคริปโทฯเถื่อนในคดีอยู่แล้ว

ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจค้นโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา พบว่ามีการใช้งานแอปพลิเคชัน Telegram โดยชื่อกลุ่มหรือบัญชีที่ติดต่อกันนั้นขึ้นเป็นภาษาจีน ซึ่งล่ามได้แปลความหมายว่า “บุคคลที่รับแลกเหรียญคริปโทฯ” จากการสอบถามผู้ต้องหาผ่านล่าม ให้การเพิ่มเติมว่า ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และ ไม่มีใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย โดยเข้ามาอยู่ในประเทศด้วยหนังสือเดินทางประเภทนักศึกษา ซึ่งอ้างว่าจัดทำขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อสอบถามถึงพฤติการณ์การกระทำความผิด

ขณะเดียวกัน ผู้ต้องหายอมรับว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการรับแลกเหรียญคริปโทฯจริง โดยทำหน้าที่แลกเหรียญกับกลุ่มคนไทย ซึ่งภายหลังทราบว่าเป็นกลุ่มที่ได้รับเงินมาจากเครือข่ายแก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งไม่ได้ถือครองเหรียญคริปโทฯจำนวนมาก แต่มีเพื่อนชาวจีนชื่อ MR. LI YONG ซึ่งเป็นผู้ถือเหรียญในปริมาณมาก โดยไม่รู้จัก MR. LI YONG โดยตรง แต่รู้จักผ่านเพื่อนชาวจีนอีกคนหนึ่ง ซึ่งทราบว่าถูกจับกุมไปแล้วเมื่อประมาณ 1 ปีก่อน MR. LI YONG จะเป็นผู้ติดต่อกับตนผ่านทางแอปพลิเคชัน Telegram โดยทุกครั้งที่มีคนไทยต้องการแลกเหรียญคริปโทฯ MR. LI YONG จะเป็นผู้ประสานงานและแจ้งให้คนไทยติดต่อกับตนโดยตรง จากนั้นผู้ต้องหาจะเดินทางไปพบกับบุคคลดังกล่าวเพื่อรับเงิน ซึ่งอาจเป็นเงินสดหรือเงินโอนผ่านบัญชีธนาคาร หากได้รับเป็นเงินโอน ผู้ต้องหาจะโอนต่อให้ MR. LI YONG เพื่อให้ MR. LI YONG โอนเหรียญไปยังกระเป๋าคริปโทฯ (wallet) ที่คนไทยระบุไว้ แต่หากได้รับเป็นเงินสด ผู้ต้องหาจะนำเงินสดไปฝากเข้าบัญชีธนาคารของตนเอง แล้วโอนต่อให้ MR. LI YONG เช่นกัน โดยผู้ต้องหาระบุว่า ได้รับค่าตอบแทน แต่ไม่ขอบอกว่าได้เท่าใด

นอกจากนี้ได้สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รถตู้หรู ทะเบียน พบ 598 กรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ต้องหาครอบครองอยู่  โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึด เนื่องจากตรวจสอบพบว่า ชื่อผู้ครอบครองรถไม่ตรงกับชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ในเอกสารทะเบียนรถ และผู้ต้องหา ไม่สามารถแสดงหลักฐานการครอบครองที่มาชัดเจนได้ อาจเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด หรือถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน จากนั้นตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง