ข่าวเย็นประเด็นร้อน - แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากชาวบ้านฝั่งไทยว่า อยากให้ทหารเมียนมาเพลา ๆ เรื่องการใช้ระเบิดทำลายเมือง KK Park ลงหน่อย แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ตอบสนอง เพราะยังเห็นการใช้ระเบิดเหมือนเดิม
เป็นภาพการทำลายฐานสแกมเมอร์ในเมือง "KK Park" ตรงข้ามอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ที่ดำเนินการต่อเนื่อง หลัง พลเอก โซวิน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทหารเมียนมา สั่งให้ทำลายอุปกรณ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับ "แก๊งสแกมเมอร์" จนชาวบ้านฝั่งไทยกังวลว่าจะมีอันตรายมาถึงอีก หรือไม่ เพราะเมื่อวันก่อน แรงระเบิดยังสะเทือนมาถึงบ้านเรือนประชาชนฝั่งไทยอยู่
ส่วนเรื่องคนหลบหนีเข้าเมือง จากการกดดันปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ ทั้งเมือง KK Park และชเวโก๊กโก่ ตอนนี้ตัวเลขที่ฝั่งไทยจับกุมเพิ่มมาได้ จาก 39 คน เป็น 68 คน แล้ว ทั้งหมดถูกคุมตัวตามกฎหมาย เพื่อรอการสอบสวนคัดแยกเหยื่ออยู่ในจังหวัดตาก
ส่วนที่จังหวัดสระแก้ว เจ้าหน้าที่แบ่งกำลังลงพื้นที่ 3 จุด ไปตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต สกัดแก๊งคอลเซนเตอร์ หรือสแกมเมอร์ จุดแรกอยู่หลังสถานีรถไฟด่านพรมแดนบ้านคลองลึก ข้างด่านศุลกากรอรัญประเทศ จัดการไป 28 เส้น จุดที่ 2 อยู่ลานจอดรถใกล้ ๆ กัน จัดการไปอีก 4 เส้น จุดที่ 3 เป็นจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา จัดการไป 3 เส้น เหลืออีก 2 เส้น ที่ต้องประสานผู้ประกอบการมาตัดสายสัญญาณ
ส่วนในฝั่ง สปป.ลาว เมื่อวานนำเสนอ พิกัดอาคารที่ต้องสงสัยว่าจะถูกใช้งานเป็นฐานที่ตั้งแก๊งสแกมเมอร์ อยู่ทางทิศตะวันออกของนครเวียงจันทน์ ห่างออกไปกิโลเมตรที่ 16 รอบนี้เข้าไปดูถึงวงใน เป็นภาพแอบถ่ายขณะที่คนในแก๊งฯ กำลังทำงาน พร้อมระบุว่า เป็นกลุ่มสแกมเมอร์ที่หลบหนีมาจากเมียนมา และกัมพูชา กลับมาเปิดฐานหลอกลวงออนไลน์ขนาดใหญ่อีกครั้ง
ซึ่งเมื่อไม่กี่วันก่อน มีอินฟลูเอนเซอร์ชาวลาวชี้พิกัดที่ตั้งแก๊งสแกมเมอร์ อยู่ในนครหลวงเวียงจันทน์ หลักกิโลเมตรที่ 16 เหมือนกัน แถมแฉด้วยว่าฐานนี้มีคนในตระกูลการเมืองที่ยังมีอำนาจอยู่ในปัจจุบัน อยู่เบื้องหลัง ซึ่งก็มีคนใน สปป.ลาว เข้าไปคอมเมนต์ว่า อาคารเหล่านี้เป็นของทุนเทาจีน อยากให้เข้าไปตรวจสอบและปราบปรามด้วย
ส่วนที่ สำนักงาน ปปง. กรุงเทพฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำหลักฐานเอกสารรายงานการเข้าซื้อกิจการ การวางโครงสร้างบริษัท วิธีการเพิ่มทุนที่มีการรายงานต่อ ก.ล.ต. และบุคคลที่มีรายชื่อในแบล็กลิสต์เครือข่ายสแกมเมอร์ของสหรัฐฯ ไปยื่นให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง
ยืนยันหลักฐานเหล่านี้ได้ตรวจสอบแล้วว่ามีความผิดปกติจริง เช่น เรื่องที่รัฐมนตรีคนหนึ่ง จดทะเบียนแค่กว่า 300 บาท แต่สามารถซื้อกิจการหลักพันล้านบาทได้ในระยะเวลแค่ไม่กี่ปี และในรายชื่อที่ให้ตรวจสอบก็มีอดีตรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลที่แล้ว และรัฐมนตรี 2 คน ในรัฐบาลชุดปัจจุบัน และยังคาดว่าน่าจะมีคนที่เกี่ยวข้องมากกว่า 10 คนด้วย