ระเบิด เคเคปาร์ค กลุ่มสแกมเมอร์ทะลักเข้าไทยต่อเนื่อง จ.ตาก

View icon 45
วันที่ 3 พ.ย. 2568 | 06.45 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - ทหารเมียนมายังคงเดินหน้าทิ้งระเบิดทำลายอาคารในเมืองเคเคปาร์ค เพื่อกวาดล้างแก๊งสแกมเมอร์ ขณะเดียวกันปฏิเสธไม่ได้ว่า ปฏิบัติการดังกล่าว แรงระเบิดได้ส่งผลกระทบมาถึงบ้านเรือนประชาชนฝั่งไทย พังเสียหายด้วยหลายหลัง

ระเบิด "เคเคปาร์ค" กลุ่มสแกมเมอร์ทะลักเข้าไทยต่อเนื่อง จ.ตาก
เป็นภาพนาทีทหารเมียนมา ร่วมกับกองกำลังบีจีเอฟ ได้กดระเบิดทำลายอาคารที่ตั้งอยู่ในเมืองเคเคปาร์ค เป็นพื้นที่โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษของกลุ่มทุนจีนสีเทา ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ ที่สร้างติดริมแม่น้ำเมย จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ฝั่งตรงข้ามฝั่งไทย บริเวณบ้านแม่กุใหม่ท่าซุง ตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก

ผลจากการปฏิบัติการตลอดหลายวันที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาวต่างชาติที่ทำงานเป็นสแกมเมอร์อยู่ในเคเคปาร์ค วงแตก พากันหนีตายข้ามมาฝั่งไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยถูกเจ้าหน้าที่ไทยควบคุมตัวไว้ที่ศูนย์เฉพาะกิจรับตัวชาวต่างชาติ ภายในอาคารด่านพรมแดนถาวรแม่สอดแห่งที่ 2 บ้านวังตะเคียนใต้ ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด ล่าสุดมีจำนวน 1,597 คน แยกเป็นชาย 1,332 คน และหญิง 265 คน จากทั้งหมด 28 สัญชาติ

โดยสัญชาติอินเดีย มีมากสุด 465 คน รองลงมา ฟิลิปปินส์ 220 คน จีน 185 คน เวียดนาม 151 คน และเอธิโอเปีย 130 คน

และสืบเนื่องจากมีชาวเวียดนาม 4 คน ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันเองภายในศูนย์ฯ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเสริมกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ รวมทั้งตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระชาวต่างชาติทุกคนที่ข้ามมาฝั่งไทยอย่างละเอียด เพื่อป้องกันซุกซ่อนอาวุธและสิ่งของต้องห้ามเข้าไปภายในพื้นที่ศูนย์ฯ แรกรับตัว

แรงระเบิด "เคเคปาร์ค" กระทบบ้านประชาชนฝั่งไทย จ.ตาก
มาดูผลกระทบจากแรงระเบิดถล่มอาคาร แม้อยู่ฝั่งเมียนมา แต่เสียงและแรงระเบิดแต่ละครั้ง ทำให้เศษชิ้นส่วนสะเก็ดระเบิด ลอยข้ามชายแดนมาตกฝั่งไทย โดยที่บ้านแม่กุท่าซุง หมู่ที่ 9 อำเภอแม่สอด ซึ่งอยู่ติดชายแดนประมาณ 500 เมตร พบเศษหินที่เป็นชิ้นส่วนประกอบระเบิด ตกใส่หลังคาบ้านประชาชน เบื้องต้น 10 หลังคาเรือน

นายณัฐวัตร วงษ์แวว หนึ่งในชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ พาทีมข่าวสำรวจความเสียหาย ภายในบ้านที่เพิ่งสร้างเสร็จ และย้ายเข้ามาอาศัยได้เพียง 1 ปี เล่าว่า ทุกวันจะได้ยินเสียงระเบิดจากฝั่งเมียนมา ดังขึ้นอย่างน้อยวันละ 3-4 ครั้ง แต่ละครั้งไม่เพียงแค่เสียงดังสนั่น แต่แรงสั่นสะเทือนจากระเบิด ยังส่งผลให้ฝ้าเพดาน โคมไฟดาวน์ไลต์ หล่นลงมากองบนพื้นบ้านได้รับความเสียหาย

จึงอยากขอให้หน่วยงานทางการไทย ช่วยไปเจรจากับฝ่ายเมียนมา ก็คือให้เปลี่ยนวิธีการใช้ระเบิดทำลายอาคาร เปลี่ยนเป็นใช้เครื่องจักรกลแทนได้หรือไม่ เพื่อลดผลกระทบที่เกิดต่อบ้านเรือนประชาชนฝั่งไทย

เมื่อวาน ปลัดอำเภอ, เจ้าหน้าที่หน่วยสาธารณสุข ลงพื้นที่ไปให้คำปรึกษาและตรวจสุขภาพของชาวบ้าน รวมทั้งสำรวจบ้านที่ได้รับผลกระทบในเบื้องต้น เพื่อหามาตรการช่วยเหลือเยียวยาต่อไป