อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ยัน! ปราสาทตาควาย เป็นของไทย ทวงคืนเมื่อไร ขึ้นอยูากับกองทัพ-รัฐบาล สั่งการ

อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ยัน! ปราสาทตาควาย เป็นของไทย ทวงคืนเมื่อไร ขึ้นอยูากับกองทัพ-รัฐบาล สั่งการ

View icon 139
วันที่ 4 พ.ย. 2568 | 14.36 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
3 พ.ย. 68 พลโทบุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทีมงานกำลังขอจดทะเบียนก่อตั้งมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้และด้อยโอกาส โดยมีวัตถุประสงค์ต้องการช่วยเหลือประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือรวมทั้งลูกหลานของกำลังพลที่ได้รับผลกระทบจากการปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งตนเองจะรับหน้าที่เป็นประธานมูลนิธิเอง โดยจะดำเนินการอย่างรอบคอบ ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายทุกประการ

พลโทบุญสิน ยังกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสเรียกร้องให้กองทัพทวงคืนประสาทตาควาย โดยยืนยันว่า ตนเองมีความเห็นตรงกันกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คือพื้นที่ดังกล่าวเป็นผืนแผ่นดินไทย ดังนั้นจึงต้องมีการทวงคืนอย่างแน่นอน แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการดำเนินการของกองทัพและรัฐบาลว่าจะมีแนวทางอย่างไรต่อไป เช่นการทำหนังสือประท้วงหรือเจรจา ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาหากมีคำสั่งให้ทวงคืนก็ต้องดำเนินการ แต่การจะทวงคืนโดยที่ไม่สูญเสีย จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

ส่วนกรณีที่ พลตรีณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ออกมาระบุว่า การทวงคืนประสาทตาควาย อาจทำให้ต้องสูญเสียกำลังพลจำนวนมาก เพราะเป็นพื้นที่ที่ไทยเสียเปรียบ มองว่าเป็นความเห็นส่วนตัว แท้จริงแล้วขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะเอาคืนเมื่อไร ขึ้นอยู่กับอยู่ที่การวางแผน หากต้องการทวงคืนก็มีหลายแผนที่รองรับอยู่ ขึ้นอยู่กับผู้นำรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไร พร้อมย้ำว่า เมื่อจุดดังกล่าวเป็นผืนแผ่นดินไทยก็จะได้มากกว่าเสีย และต้องทวงคืนให้ได้

ที่หลายคนเป็นกังวลหากมีการทวงคืนพื้นที่อีก อาจจะส่งผลกระทบกับกำลังพล พลโทบุญสิน บอกว่า ขึ้นอยู่กับการวางแผน รบแบบมีแผนรบ แบบใช้สมองก็ไม่มีปัญหา ขึ้นอยู่กับผู้นำว่าจะมีแนวทางอย่างไร

สำหรับกรณีที่ทหารกัมพูชาไม่ยอมให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุนระเบิดที่ จ.บุรีรัมย์ โดยอ้างว่าไม่รู้เรื่อง จะเป็นการละเมิดข้อตกลงที่ทำไว้หรือไม่ พลโทบุญสิน ระบุว่า ส่วนตัวมองว่าถือว่าเป็นข้อบกพร่องของกัมพูชา ดังนั้นผู้ใหญ่ของกัมพูชา ต้องคุยกัน เมื่อมีการกระทำที่ผิดเงื่อนไข ผิดข้อตกลง ก็ต้องมีการประท้วง ส่วนการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่จะเป็นการตบตาชาวโลกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความจริงใจของกัมพูชาว่า ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือไม่ และเป็นหน้าที่ของผู้สังเกตการณ์ ที่ต้องมาตรวจสอบติดตาม ถอนจริงหรือไม่จริง ให้รอติดตามในโซเชียลได้ เพราะมักจะมีภาพออกมาตลอด เรื่องการถอนกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในระดับกองทัพ มีการหารือกันไปแล้วว่า ถอนออกมากน้อยแค่ไหน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการปฎิบัติร่วมกัน

ทั้งนี้ พลโทบุญสิน ยังกล่าวถึงกรณีที่ภาคประชาชนร่วมกันบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะกรณีของ กัน จอมพลัง ส่วนตัวมองว่าตอนที่ตนเองยังเป็นแม่ทัพ การให้ความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน เป็นเรื่องที่ดี ทางทหารก็ยินดี กัน จอมพลัง ก็เป็นส่วนหนึ่ง นำความช่วยเหลือมาให้ สำหรับเรื่องส่วนตัวเรื่องภายในมูลนิธิฯ ก็ต้องไปชี้แจงเอง แต่หน้างานถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเป็นตัวอย่างในการเสียสละ เพื่อส่วนรวมและจิตอาสาช่วยสังคม สำหรับเรื่องส่วนตัวมีที่มาอย่างไรก็ต้องโปร่งใสชี้แจงให้ถูกต้อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง