พายุไต้ฝุ่น "คัลแมกี" สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับพื้นที่ทางตอนกลางของฟิลิปปินส์ ล่าสุด พบผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 60 คน สูญหายอีกนับสิบคน
กระแสน้ำเชี่ยวจากน้ำท่วมฉับพลัน พัดเอารถยนต์จำนวนมาก รวมทั้งรถบรรทุกขนาดใหญ่ ให้ไหลไปตามถนนที่เปลี่ยนสภาพเป็นเหมือนลำคลอง ซึ่งเป็นผลจากพายุไต้ฝุ่น "คัลแมกี" (Kalmaegi) ที่เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งทางตอนกลางของฟิลิปปินส์ บริเวณหมู่เกาะวิซายัส (Visayan Islands) เมื่อช่วงเช้าตรู่วานนี้ (4 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีฝนตกหนักและกระแสลมแรง จากนั้นพายุได้พัดถล่มพื้นที่บางส่วนของเกาะปาลาวัน (Palawan) ในวันนี้ ขณะเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้
ความรุนแรงของพายุยังทำให้บ้านเรือนประชาชนจำนวนมากในจังหวัดเซบู (Cebu) ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการท่องเที่ยวหลักของฟิลิปปินส์ พังเสียหายจนแทบไม่เหลือซาก นอกจากนี้ รถยนต์อีกจำนวนมากยังถูกกระแสน้ำซัดจนไหลไปทับกันเป็นกองพะเนิน ขณะเดียวกัน ประชาชนกว่า 200,000 คน ในภูมิภาควิซายัส รวมทั้งพื้นที่ตอนใต้ของเกาะลูซอน (Luzon) และตอนเหนือของเกาะมินดาเนา (Mindanao) ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของตนเอง ขณะที่ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง
ล่าสุด มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 58 คน ในจำนวนนี้ 6 คน เป็นทหารที่เสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่จังหวัดอากูซันเดลซูร์ (Agusan del Sur) บนเกาะมินดาเนา ขณะกำลังปฏิบัติภารกิจด้านมนุษยธรรม นอกจากนี้ ยังมีรายงานผู้สูญหายอีก 13 คน
ทั้งนี้ พายุไต้ฝุ่น "คัลแมกี" นับเป็นพายุลูกที่ 20 ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในปีนี้ โดยพายุลูกนี้กำลังเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปทางเวียดนาม และคาดว่าจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งทางตอนกลางของเวียดนามในวันศุกร์นี้