พายุไต้ฝุ่น "คัลแมกี" พัดถล่มฟิลิปปินส์ ทิ้งไว้เพียงความเสียหาย และคราบน้ำตาของชาวบ้าน

พายุไต้ฝุ่น "คัลแมกี" พัดถล่มฟิลิปปินส์ ทิ้งไว้เพียงความเสียหาย และคราบน้ำตาของชาวบ้าน

View icon 301
วันที่ 6 พ.ย. 2568 | 10.49 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ชาวฟิลิปปินส์เริ่มสำรวจความเสียหาย-เก็บกวาดซากปรักหักพังในบ้านเรือน หลังพายุไต้ฝุ่น "คัลแมกี" พัดถล่ม ล่าสุด ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 100 คนแล้ว ขณะนี้มุ่งหน้าไปยังประเทศเวียดนาม

วันนี้ (6 พ.ย. 68) ประชาชนชาวฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะที่จังหวัดเซบู ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับผลกระทบหนักสุดจากพายุไต้ฝุ่น "คัลแมกี" (Kalmaegi) เริ่มเก็บกวาดซากความเสียหายบ้านเรือนของตนเองที่ถูกพายุพัดถล่ม ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา (4 พ.ย. 68) ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างหนักในพื้นที่ทางตอนกลางของประเทศ

โดยชาวบ้านบางคนในจังหวัดเซบู ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาขณะเข้าสำรวจบ้านเรือนของตนเอง ที่ถูกพายุพัดถล่มจนแทบไม่เหลือซาก บางคนสิ้นเนื้อประดาตัว ขณะที่บางส่วนก็บอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาต้องเจอกับพายุที่สร้างความเสียหายรุนแรงขนาดนี้

690c1b44e35822.04688859.jpg

690c1b7ca13583.87740666.jpg
ขณะที่หน่วยงานด้านภัยพิบัติของฟิลิปปินส์ เผยว่า ล่าสุด ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 114 คนแล้ว และยังมีผู้สูญหายอีก 127 คน ขณะพายุเริ่มกลับมาทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้งขณะเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปทางประเทศเวียดนาม

ด้านทางการเวียดนามประกาศเตือนประชาชนประมาณ 350,000 ในจังหวัดซาลาย (Gia Lai) ทางตอนกลางของประเทศ อพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย และระวังอันตรายจากฝนตกหนักและกระแสลมแรง รวมทั้งน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำ

ตอนนี้ พายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี” มีศูนย์กลางอยู่บริเวณ ทะเลจีนใต้ตอนกลาง ห่างจากชายฝั่งประเทศเวียดนาม ประมาณ 500 กิโลเมตร ขณะนี้กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และคาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางช่วงวันที่ 6–7 พฤศจิกายน 2568 หลังจากนั้น พายุจะอ่อนกำลังลงตามลำดับจนกลายเป็น หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง

ก่อนเคลื่อนเข้าปกคลุม ประเทศไทยตอนบน เริ่มจาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จ.อุบลราชธานี) วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ทำให้มี ฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักหลายพื้นที่ในภาคอีสาน ส่วน ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และ กรุงเทพฯ จะได้รับผลกระทบในช่วง 8–9 พฤศจิกายน 2568