ระงับ! “ถอนกำลัง-ถอนอาวุธหนัก” จำเป็นต้องเอาไว้ ปกป้องชายแดน “สีหศักดิ์” ลั่น! ไทยเด็ดขาดแล้ว แต่เด็ดขาดได้อีก
สืบเนื่องจากเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ขณะลาดตะเวน พื้นที่ห้วยมาเรีย จ.ศรีสะเกษ ล่าสุด (11 พ.ย.68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง ก่อนมอบหมายให้ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมร่วมกัน
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการละเมิดปฏิญญาไทย-กัมพูชา ดังนั้น ที่ประชุม จึงมีมติให้ระงับปฏิญญาไทย-กัมพูชา ทั้ง 4 ข้อ และยุติการส่งเชลยศึกคืนให้กับกัมพูชา ส่วนการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เป็นการดำเนินการฝ่ายเดียวของไทยจึงเดินหน้าต่อ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนตามแนวชายแดน ขณะที่ การประท้วงไปยังกัมพูชา ได้ดำเนินการไปแล้ว
จากนี้ ฝ่ายไทย ซึ่งจะมีการชี้แจงไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศมาเลเซีย ในฐานะประเทศสักขีพยานในการลงนามร่วมว่า เพราะเหตุใด ไทยถึงมีความจำเป็นที่ต้องระงับปฏิญญา รวมทั้งชี้แจงต่อประชาคมโลก
และ หากกัมพูชาต้องการให้การปฎิบัติเป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายกัมพูชาจะต้องแสดงความรับผิดชอบ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น การแสดงความเสียใจ และตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมกำหนดมาตรการไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
นายสีหศักดิ์ ย้ำว่า นอกจากระงับการปฎิบัติตามปฏิญญาแล้ว การถอนกำลังนับจากนี้ก็ต้องระงับไว้ก่อน และ จะมีการประณามด้วย ทั้งหมดนี้ถือว่า มีความเด็ดขาด กับท่าทีที่ชัดเจน ซึ่งต้องดูว่า ต่อจากนี้ฝ่ายกัมพูชาจะมีท่าทีตอบสนองอย่างไร เราก็จะยกระดับความเด็ดขาดของเราขึ้นไปอีกก็ได้
กรณีกัมพูชารื้อรั้วลวดหนาม และเข้ามาวางทุ่นระเบิดในเขตประเทศไทย พลเอก ณัฐพล กล่าวถึงมาตรการตอบโต้ว่า ทหารมีกฎใช้กำลังอยู่แล้ว หากเข้ามาทำอะไร ก็จะมีการยิงเตือนด้วยอาวุธเบา หรืออาวุธหนัก แต่ขอสงวนไม่ชี้แจงในเรื่องนี้ และ ขอให้มั่นใจว่า ทหารได้รับมอบความรับผิดชอบจากที่ประชุม สมช. เรื่องการปฏิบัติการทางทหาร ให้ดำเนินการได้ตามสถานการณ์ และ จากนี้จะไม่มีการเจรจาในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) แต่การพูดคุยังมีกระบวนการอยู่
สำหรับการถอนอาวุธหนักออกจากชายแดน พลเอก ณัฐพล ระบุว่า ระงับไว้แล้ว