เช้านี้ที่หมอชิต - เสียงปืนที่เป็นการยิงตอบโต้ระหว่างทหารฝ่ายไทย-กัมพูชา ตอกย้ำถึงการสร้างสันติภาพบริเวณชายแดน ที่น่าจะกลับมาให้เป็นเหมือนเดิมได้ยาก และจากเหตุการณ์นี้ ทั้ง 2 ฝ่ายต่างประณามซึ่งกันและกัน
นี่เป็นเสียงปืนที่ดังขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 16.10 น. ซึ่งตามรายงานของกองทัพภาคที่ 1 ยืนยันว่า เป็นเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนยิงมาจากฝั่งกัมพูชา มายังบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว คาดว่าเป็นอาวุธปืนเล็ก AK-47 จำนวนประมาณ 30 นัด
ซึ่ง กกล.บูรพา ได้ยิงเตือน และโต้ตอบเหตุการณ์ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที สถานการณ์จึงสงบ และตรวจสอบพบว่าฝ่ายไทยไม่มีการสูญเสีย
โดยกองกำลังบูรพา ชี้แจงว่าได้ตอบโต้ตามกฎการใช้กำลังอย่างเหมาะสม ตามกรอบกติกาสากล และยึดหลักมนุษยธรรม ซึ่งการใช้อาวุธเป็นทางเลือกสุดท้าย โดยการตอบโต้สอดคล้องกับทิศทางการยิงจากฝั่งตรงข้าม
หลังจากนั้นในเวลา 17.00 น. พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ว่า เวลาประมาณ 15.50 น. ทหารไทยได้เปิดฉากยิงใส่ชาวกัมพูชา และยังอ้างอีกว่า การโจมตีเกิดขึ้นหลังทหารไทยยั่วยุหลายครั้ง เพื่อสร้างเงื่อนไขให้เกิดการปะทะ พร้อมประณามอย่างรุนแรง
ขณะที่สำนักข่าวแห่งชาติกัมพูชา หรือ AKP เผยแพร่ภาพนิ่งที่อ้างว่าเป็นเหตุการณ์ทหารไทยยิงใส่ประชาชนในหมู่บ้านเปรยจัน ซึ่งเป็นภาพทหารกัมพูชากำลังอพยพประชาชน และนำส่งไปรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาล
และต่อมานายฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ได้โพสต์ข้อความผ่าน Facebook ประณามการกระทำของฝ่ายไทย โดยอ้างว่าเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้ชาวกัมพูชาเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 3 ราย นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้มีการสืบสวนอย่างอิสระต่อการปะทะที่เกิดขึ้น
ขณะที่นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขอเรียกร้องให้กัมพูชา หยุดการกระทำยั่วยุทุกรูปแบบ และยุติการบิดเบือนข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชน ซึ่งการยิงก่อนในครั้งนี้เป็นการก่อกวน และละเมิดข้อตกลงสันติภาพระหว่าง 2 ประเทศโดยตรง
รัฐบาลไทยขอประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชาอย่างรุนแรงที่ใช้อาวุธยิงเข้ามายังพื้นที่ฝั่งไทยก่อน โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน
ส่วนกรณีที่พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงว่า ไทยเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน และมีพลเรือนกัมพูชาได้รับบาดเจ็บนั้น
นายสิริพงศ์ ยืนยันว่า เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง "ข้อเท็จจริง คือ ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ยิงก่อน ขณะที่ฝ่ายไทยตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองอย่างจำกัดและอยู่ในกรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ"
เช่นเดียวกับนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชา และการใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์
โดยการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปเพื่อปกป้องอธิปไตย และป้องกันตนเอง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ
และนี่เป็นภาพหลักฐานที่เผยแพร่โดยเพจ Facebook "Army Military Force" เป็นภาพร่องรอยกระสุนปืนที่ทหารกัมพูชา สร้างสถานการณ์ยิงใส่บังเกอร์ของทหารไทยที่บ้านหนองหญ้าแก้ว
และนี่เป็นคลิปหลักฐานอีกชิ้นที่เพจ Facebook "Army Military Force" นำมาเผยแพร่ โดยเป็นจังหวะที่ทหารไทย บันทึกเสียงปืนที่เกิดขึ้นในฝั่งกัมพูชาได้
ก็เป็นคลิปเหตุการณ์ที่ทหารไทยบันทึกเอาไว้ได้ ในช่วงเริ่มต้นของเหตุการณ์ ก่อนที่จะมีการยิงตอบโต้กัน
ซึ่งในคลิปจะได้ยินเสียงปืนหลายนัดในฝั่งกัมพูชา และมีทหารไทยพูดขึ้นมาว่า "อ้าว ยิงกันแล้ว" และมีเสียงบอกว่า "ให้เข้าที่กำบัง"
โดยในหลายความเห็นเชื่อว่าเป็นการยิงปืนใส่ชาวบ้านฝั่งตนเอง เพื่อสร้างสถานการณ์ และใส่ร้ายทหารไทย
ส่วนความเคลื่อนไหวของ "นายกฯ อนุทิน" ได้ไปเป็นประธานในพิธีเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 68 ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ
โดยบนเวทีช่วงหนึ่งได้ประกาศว่า กัมพูชาหมดโอกาสกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาแล้ว และไม่มีข้อตกลง 4 ข้อแล้ว
ก็เป็นท่าที่ล่าสุดของ "นายกฯ อนุทิน" ที่ชัดเจนแล้วว่าต้องการรักษาอธิปไตยประเทศ มากกว่าที่จะกังวลเรื่องการค้ากับสหรัฐฯ มาเป็นตัวฉุดรั้ง ไม่ให้ไทยเดินหน้าแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม "นายกฯ อนุทิน" ได้ให้สัมภาษณ์สื่อฯ อีกครั้ง บอกว่า กระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการชี้แจงสถานการณ์กับสหรัฐฯ และมาเลเซีย ในฐานะผู้สังเกตการณ์การลงนามปฏิญญาร่วมฯ อีกด้วย
ส่วนแผนปฏิบัติต่าง ๆ ทางทหาร "นายกฯ อนุทิน" บอกว่าไม่สามารถลงรายละเอียดได้ แต่ได้พยักหน้าตอบรับผู้สื่อข่าวในคำถามว่า "ขณะนี้มีการเตรียมพร้อมกำลังทางทหารใช่หรือไม่ ?"
ซึ่ง "นายกฯ อนุทิน" พยักหน้ารับด้วยสีหน้าเข้ม ๆ และบอกว่า "แน่นอนครับ"