สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 14 พ.ย.68

สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 14 พ.ย.68

View icon 76
วันที่ 14 พ.ย. 2568 | 17.35 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
Open World เปิดโลกรายวัน : สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 14 พ.ย.68

1.สื่อฯ มาเลเซียขอโทษ รายงานผิดว่าเป็นทุ่นระเบิดเก่า
สำนักข่าว "เบอร์นามา" (Bernama) สำนักข่าวแห่งชาติมาเลเซีย ซึ่งเป็นของรัฐบาล รายงานข่าวผิดพลาดกรณีการให้สัมภาษณ์ของนายโมฮามัด ฮาซาน (Mohamad Hasan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ซึ่งเดิมสำนักข่าว "เบอร์นามา" รายงานว่า "ทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียนในไทยและกัมพูชารายงานว่าทุ่นระเบิดนั้นไม่ใช่ทุ่นระเบิดใหม่” (The ASEAN observer teams in Thailand and Cambodia reported that the landmines were not new.)

ก่อนที่ภายหลังจะมีการแก้ไขข้อความในรายงานข่าวว่า "แต่ทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียนในไทยและกัมพูชารายงานว่าทุ่นระเบิดนั้นเป็นทุ่นระเบิดใหม่” (But the Asean observers teams in Thailand and Cambodia have reported that they were new landmines) พร้อมออกมาแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง และชี้แจ้งว่า เนื้อหาข่าวส่วนเดิมที่รายงานผิดพลาด "มีข้อความที่ไม่ตรงกับข้อมูลที่รายงานในข่าวต้นฉบับภาษามาเลเซีย"

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้สื่อฯ ในหลายประเทศนำไปอ้างอิงจนเกิดความสับสน รวมทั้งสำนักข่าว "แคมโบเดียเนียส" (Cambodianess) ของกัมพูชา ที่นำไปรายงานพาดหัวข่าวระบุว่า ทางการมาเลเซียยืนยันว่าทุ่นระเบิดเป็นของเก่า และเขียนในเนื้อข่าวว่า "ทุ่นระเบิดไม่ใช่ทุ่นที่นำไปวางใหม่"

2."อารีอานา กรานเด" ถูกแฟนคลับเข้าประชิดตัว ที่สิงคโปร์
เกิดเหตุความวุ่นวายดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (13 พ.ย.) ที่ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์ (Universal Studio Singapore) ขณะอารีอานา กรานเด (Ariana Grande) นักร้องและนักแสดงชื่อดังชาวอเมริกัน เดินทางมาร่วมงานเปิดตัวรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื่อง "วิกเค็ด: ฟอร์ กูด" (Wicked: For Good) ที่สิงคโปร์ พร้อมกับนักแสดงร่วมอย่าง มิเชล โหย่ว (Michelle Yeoh) และ ซินเธีย เอริโว (Cynthia Erivo) โดยชายคนหนึ่งได้ปีนข้ามแผงกั้นและรีบวิ่งเข้าไปประชิดตัว อารีอานา กรานเด และสวมกอดเธอ จากนั้น ซินเธีย เอริโว ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เข้าไปช่วยกันพยายามดึงชายคนดังกล่าวออกไป

ด้านสำนักข่าวหลายสำนัก รวมทั้ง NBC News รายงานว่า ผู้ก่อเหตุคือนายจอห์นสัน เหวิน (Johnson Wen) อายุ 26 ปี โดยเอกสารของศาลสิงคโปร์ระบุว่า นายเหวินถูกตั้งข้อหาก่อความรำคาญในที่สาธารณะ

3.นักเรียนวางระเบิดมัสยิดที่อินโดฯ ยอมรับทำตามกลุ่มหัวรุนแรง
ความคืบหน้าการสอบสวนกรณีเหตุระเบิดมัสยิดที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตเกลาปากาดิง (Kelapa Gading) ทางตอนเหนือกรุงจาการ์ตา ของอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีนักเรียนรวมทั้งครูและเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บถึง 96 คน ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 3 คน

ล่าสุด ตำรวจอินโดนีเซียเผยว่า เด็กนักเรียนชายอายุ 17 ปี ผู้ต้องสงสัย ซึ่งเรียนอยู่ในโรงเรียนใกล้กัน ยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวเพราะต้องการแก้แค้น โดยแรงจูงใจมาจากแนวทางการก่อเหตุของกลุ่มคนผิวขาวหัวรุนแรงและกลุ่มนีโอนาซี ตำรวจยืนยันว่า ผู้ต้องสงสัยมีพฤติกรรมแปลกแยกจากสังคมและก่อเหตุเพียงลำพัง ไม่มีการเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายใด ๆ และจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแม้เป็นเยาวชนก็ตาม

4.บาริสตาร้านดัง ประท้วงขอขึ้นค่าแรง ในสหรัฐฯ
พนักงานชงกาแฟ หรือ "บาริสตา" กว่า 1,000 คน ซึ่งเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานของ "สตาร์บัคส์" (Starbucks) แฟรนไชส์ร้านกาแฟชื่อดัง รวมตัวนัดหยุดงานประท้วงอย่างไม่มีกำหนด เพื่อเรียกร้องให้ฝ่ายบริหารเจรจาทำข้อตกลงการขึ้นเงินเดือนและเพิ่มจำนวนพนักงาน การประท้วงครั้งนี้ตรงกับวัน "เรดคัพเดย์" ซึ่งเป็นวันจัดโพรโมชันลดราคาครั้งใหญ่ที่มักมีลูกค้าเข้าร้านเป็นจำนวนมากกว่าปกติ

อย่างไรก็ตาม แม้มีการนัดหยุดงานประท้วงใน 56 สาขา จากกว่า 40 เมืองในสหรัฐฯ แต่มีร้านเพียงไม่ถึง 1% ที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจาก "สตาร์บัคส์" มีร้านมากกว่า 17,000 สาขาทั่วสหรัฐฯ ขณะที่ สหภาพแรงงานสตาร์บัคส์เป็นตัวแทนของพนักงานประมาณ 9,500 คน หรือคิดเป็นเพียง 4% ของพนักงานสตาร์บัคส์ทั้งหมดเท่านั้น

การประท้วงครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ไบรอัน นิคโคล (Brian Niccol) ซีอีโอของสตาร์บัคส์ ปิดร้านค้าหลายร้อยแห่งที่มีผลประกอบการต่ำกว่ามาตรฐาน รวมถึงสาขาหลักในซีแอตเทิล โดยมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงเวลาการให้บริการและสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ภายในร้าน เพื่อดึงยอดขายในสหรัฐฯ ให้กลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง

5.“ก๊าซแอมโมเนีย” รั่วไหลในสหรัฐฯ สูดดมอาการวิกฤต 11 คน
ในเวลาราว 22 นาฬิกาของวันพุธที่ผ่านมา (12 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ เกิดเหตุก๊าซแอมโมเนียรั่วไหลจากรถบรรทุกที่จอดอยู่ด้านหลังโรงแรมฮอลิเดย์อิน เอ็กซ์เพรสส์ ในเมืองเวเธอร์ฟอร์ด (Weatherford) รัฐโอคลาโฮมา ทำให้ควันพิษลอยปกคลุมไปทั่วบริเวณ มีผู้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างน้อย 36 คน ในจำนวนนี้มีผู้ที่สูดดมเข้าไปและมีบาดแผลจากการถูกสารเคมีกัด จนอาการวิกฤตถึง 11 คน และต้องอพยพประชาชนกว่า 500 คน ที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงไปยังสถานที่พักพิงชั่วคราวในมหาวิทยาลัยเซาท์เวสเทิร์นโอคลาโฮมา กว่าจะตรวจสอบและกำจัดก๊าซแอมโมเนียที่ตกค้างได้ก็ต้องรอจนถึงเช้าวันถัดมา

ก๊าซแอมโมเนียชนิดไร้น้ำในรถบรรทุกคันดังกล่าว มีน้ำหนักถึง 25,000 ปอนด์ เพื่อนำไปใช้ในการทำปุ๋ยสำหรับพืชไร่ เป็นก๊าซที่ไม่มีสี และมีกลิ่นฉุน หากมีความเข้มข้นสูง และสูดดมเข้าไปมาก ๆ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต นอกจากนี้ ยังอาจทำให้ผิวหนังไหม้และตาบอดได้