สาวรุ่นลูกก่อเหตุอำพรางคดี ยิงรองสารวัตร คาบ้านพัก อ้างทำไปเพราะถูกทุบตี หลังก่อเหตุขโมยทองไปขาย ซื้อไอโฟน 17
(15 พ.ย.68) จากกรณีเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา มีผู้พบศพตำรวจ ยศ ร.ต.ต.อายุ 53 ปี ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านพักข้าราชการตำรวจ ในจ.เชียงใหม่ โดยผู้พบศพเป็นเพื่อนผู้ตาย ซึ่งรู้จักมักคุ้นกับผู้ตายได้มาแวะเยี่ยมผู้ตาย พบผู้ตายนอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงบริเวณห้องรับแขกชั้นล่าง โดยมีอาวุธปืน 9 มม.ตกอยู่พื้นด้านล่างใกล้เตียง จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พักบริเวณบ้านพักตำรวจให้ทราบ
หลังเกิดเหตุทางตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เก็บหลักฐานและพยานในที่เกิดเหตุเนื่องจากไม่ปักใจเชื่อว่าตำรวจนายดังกล่าวจะฆ่าตัวตาย
พลตำรวจตรี ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ จำลองยิงวิถีกระสุนและตรวจสอบกล้องจรปิดบริเวณใกล้เคียงและตามถนนจนพบว่า ก่อนเกิดเหตุ มีหญิงสาวคนหนึ่งได้สวมชุดพนักงานโรงงาน ขี่รถจัรยานยนต์มาหาผู้ตายที่บ้านพัก และออกจากบ้านพักหลังเสียงปืนดัง ประกอบกับจากการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ตาย พบว่า สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 5 บาทที่ผู้ตายสวมอยู่เป็นประจำหายไป จึงได้นำตัวหญิงสาวคนดังกล่าว มาสอบสวน
เบื้องต้น ทราบว่า เป็นหญิงสาว อายุ 20 ปี ได้ให้การปฏิเสธ บอกว่าตำรวจคนดังกล่าวน่าจะเครียดมีปัญหาป่วยเป็นซึมเศร้า
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา 15 พ.ย. 68 พลตำรวจตรีธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อม พันตำรวจเอก ดำเนิน กันอ่อง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรเชียงใหม่ ได้เดินทางสอบปากคำ หญิงสาว คนดงกล่าว จนกระทั่ง หญิงสาว ทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมรับสารภาพว่า ตนเองเป็นกิ๊กกับผู้เสียชีวิต คบกันแบบไปมาหาสู่มาประมาณ 2 ปีแล้วระยะหลังเริ่มห่าง เพราะ ตนไปมีแฟนใหม่ ก่อนเกิดเหตุได้มาหาแล้วทะเลาะ ใช้ความรุนแรง เมื่อผู้ตายหลับ จึงใช้ปืนของผู้ตายจ่อยิง แล้วนำสร้อยทองของผู้ตายจำนวน 5 บาท ไปขายที่ห้างทองในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในอำเภอหางดง ได้เงินประมาณ 3 แสน เอาไปซื้อ โทรศัพท์ ไอโฟน 17 ,รถจักยานยนต์ ,สร้อยคอ ทองคำ 1 สลึง 2 เส้น และเหลือเงินสดจำนวน 30,000 บาท
หญิงสาว ผู้ต้องหา อ้างว่า สาเหตุที่ลงมือฆ่าผู้ตายนั้น มาจากผู้ตายมักจะทำร้ายขณะเมาสุราและบังคับมีเพศสัมพันธ์จึงได้ลงมือก่อเหตุ เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและข้อหา ลักทรัพย์ฯ ก่อนจะควบคุมตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ทันที
