“ชาวบ้านหนองหญ้าแก้ว” เรียกร้อง “นายกฯ อนุทิน” ลงพื้นที่มาดูว่า ชาวบ้านอยู่กันแบบไหน มีข้าว-มีน้ำกินหรือไม่ พร้อมขอรัฐบาลยิงให้มันจบ ๆ ให้มันรู้ดำรู้แดง
(15 พ.ย.68) นางสุดา เผยศิริ ชาวบ้านบ้านหนองหญ้าแก้ว ที่มีที่ดินทำกินอยู่ที่หลักหมุดที่ 42-43 ประมาณ 14 ไร่กล่าวว่า แม้ว่า ขณะนี้ได้ที่ดินคืนแล้ว แต่ก็รู้สึกเหมือนยังไม่ได้คืน เพราะยังไม่มีเจ้าหน้าที่มาเก็บกู้ทุ่นระเบิดให้ ทำให้ยังไม่กล้าเข้าพื้นที่ และยังไม่สามารถนำที่ดินดังกล่าวไปใช้ประโยชน์อะไรได้ ยังเป็นป่าอยู่เหมือนเดิม
ส่วนวันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายนนี้ จะมีการสำรวจเพื่อปักหมุดชั่วคราวแล้วนั้น ก็ยังไม่กล้าเข้าพื้นที่ หากยังไม่มีเจ้าหน้าที่มาเคลียร์ทุ่นระเบิดให้ และมองว่า ต้องสร้างรั้วเพิ่ม เพราะหากไม่สร้างรั้ว กัมพูชาก็จะแอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดเหมือนเดิม เพราะเขมรเชื่อใจไม่ได้ และไม่เชื่อใจว่า วันที่ 17 พ.ย. ฝั่งกัมพูชาจะมาร่วมหารือ เพื่อสำรวจหลักหมุดชั่วคราว เพราะเขมรเชื่อใจไม่ได้ มันจะมาหรือไม่ ซึ่งก็รับปากไปเช่นนั้น แต่มันคงไม่เอา ก็จัดฉากไปแบบนั้น
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ยิงปะทะเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน กลัวว่า จะไม่ได้ที่ดินคืน หรือไม่ นางสุดา กล่าวว่า กลัวจะไม่ได้คืน เพราะมีปัญหาอยู่แบบนี้ ซึ่งหากยิงกันแล้ว มันก็จะเหมือนเดิม เขมรก็จะมาเอาคืนเหมือนเดิม เราก็จะไม่ได้ที่ดินคืนเหมือนเดิม ซึ่งตอนนี้ก็ยังรู้สึกระวาดระแวงเหมือนเดิม เพราะอยากให้จบที่รุ่นเรา ก็คงไม่จบ ซึ่งตัวเองอยากให้จบ ๆ หากจะยิงก็ยิงไปเลย ข้าวไม่ได้เกี่ยวไม่เป็นไร ยิงให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลยว่า จะเป็นอย่างไร ไทย หรือกัมพูชาจะชนะ เพราะไม่ฉะนั้นก็อยู่แบบนี้ ยุแย่อยู่แบบนี้ แต่ก็คิดว่า ทหารคงรอดูอยู่ คงอยากให้ประชาชนเก็บเกี่ยวข้าวให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ซึ่งทหารอาจจะคิดแบบนั้นก็ได้
นางสุดา กล่าวอีกว่า อยากให้รัฐบาลช่วยกันยิงให้มันจบ ๆ ไปเลย และอยากให้นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่มาดูว่า ประชาชนอยู่กันอย่างไร มาดูแลว่า ประชาชนเดือดร้อนแค่ไหน หลบภัยแบบไหน มีข้าวกินไหม มีน้ำกินไหม อยากให้ลงพื้นที่มาดูบ้าง
