แม่ร้องสื่อ ครูประถมสี่ ทำโทษเกินเหตุ ดึงต่างหูเด็กหญิงเลือดออก-ตีเด็กชาย 20 ครั้งจนไม้หัก

แม่ร้องสื่อ ครูประถมสี่ ทำโทษเกินเหตุ ดึงต่างหูเด็กหญิงเลือดออก-ตีเด็กชาย 20 ครั้งจนไม้หัก

View icon 226
วันที่ 17 พ.ย. 2568 | 08.40 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
แม่ร้องสื่อ ครูประถมสี่ ทำโทษเกินเหตุ ดึงต่างหูเด็กหญิงเลือดออก-ตีเด็กชาย 20 ครั้งจนไม้หัก แม้จะมีการดำเนินการตามมาตรการของโรงเรียนแล้ว แต่เหตุการณ์ซ้ำรอยยังคงเกิดขึ้นกับเด็กคนอื่นอีก ผู้ปกครองจี้โรงเรียนใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดขับครูพ้นโรงเรียน ย้ำชัด "การลงโทษ ไม่ใช่การทำร้าย "

วันที่ 16 พ.ย. 68 ผู้ปกครองนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี สองราย คือ นางสาวเหมียว อายุ 33 ปี แม่ของ น้องน้ำมนต์ อายุ 9 ขวบ และ นางสาวเมย์ อายุ 32 ปี  แม่ของ น้องเช็ก อายุ 9 ขวบ ได้ออกมาร้องเรียนต่อสื่อมวลชนถึงพฤติกรรมความรุนแรงของครูประจำชั้น ที่ทำโทษนักเรียนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งแม้จะมีการดำเนินการตามมาตรการของโรงเรียนแล้ว แต่เหตุการณ์ซ้ำรอยยังคงเกิดขึ้นกับเด็กคนอื่นอีก ทำให้ผู้ปกครองเรียกร้องให้มีการลงโทษขั้นเด็ดขาด

นางสาวเหมียว แม่ของน้องน้ำมนต์ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ว่า ในช่วงเช้าวันเกิดเหตุ ครูประจำชั้นได้โทรศัพท์มาแจ้งว่าน้องน้ำทิพย์มีพฤติกรรมเก็บผมไม่เรียบร้อย และใส่ต่างหูทองมาโรงเรียน ซึ่งเป็นต่างหูที่ใส่หลังเจาะหูใหม่ ตนได้ชี้แจงกับครูแล้ว ซึ่งครูบอกเพียงว่า น้องหูเน่า เดี๋ยวกลับไปให้แม่ล้างน้ำเกลือให้น้อง ทำให้ตนมองว่าครูใส่ใจดูแลเด็กเป็นอย่างดี

แต่หลังเลิกเรียนในวันเดียวกัน ตนได้เห็นการพูดคุยในกรุ๊ปไลน์ของผู้ปกครอง และได้รับการแจ้งจากแม่ของเพื่อนลูกสาวว่า น้องน้ำทิพย์ถูกกระชากต่างหู เมื่อสอบถามลูกสาว น้องก็ร้องไห้และเล่าว่าถูกครูกระทำเช่นไร เมื่อถอดต่างหูดูพบว่า หูเขียวช้ำ คล้ายถูกกระชากจนต่างหูหลุดออก เลือดไหลเป็นแผล แล้วถูกจับยัดใส่กลับเข้าไปเหมือนเดิม ส่วนต่างหูอีกข้างก็กระเด็นหายไป

นางสาวเหมียวกล่าวว่า หลังจากนั้นจึงได้มีการรวมตัวของผู้ปกครองไปที่โรงเรียนเพื่อพูดคุยกับผู้อำนวยการ ซึ่งทางโรงเรียนได้ทำหนังสือให้ครูคนดังกล่าว หยุดการสอนชั่วคราวเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อไปปรับพฤติกรรมและเข้ารับการอบรม แต่ตนยังหวังว่าลูกจะเป็นเคสสุดท้ายที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น และพยายามปลอบลูกว่าการกระทำของครูคือ "การลงโทษ ไม่ใช่การทำร้าย "

ในขณะเดียวกัน นางสาวเมย์ แม่ของน้องเช็ก เล่าเหตุการณ์ที่ลูกชายถูกทำโทษเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 โดยน้องเช็กถูกลงโทษเนื่องจาก หารเลขหลักสิบล้านไม่ได้

นางสาวเมย์กล่าวว่า ลูกชายกลับจากโรงเรียนไม่ได้เล่าเรื่องถูกตี แต่ตนสังเกตเห็นว่าลูกถอดเสื้อแต่เอาผ้าขนหนูคลุมตัวไว้ตลอด เมื่อคาดคั้นลูกจึงร้องไห้และบอกว่าถูกครูตี เพราะหารยาวไม่ได้ ครูให้หารหลักสิบล้านแล้วมาหารหลักพัน ลูกบอกว่า ถูกครูตีเกือบ 20 ครั้ง ตีจนไม้หัก และไม่กล้าร้องไห้เพราะอายเพื่อน ทำให้ตนถึงกับน้ำตาร่วง สงสารลูกมาก

วันต่อมา นางสาวเมย์โทรศัพท์ไปสอบถามครู ซึ่งครูแจ้งว่าเพิ่งจะเห็นรูปและไม่คิดว่าตนเองจะตีเด็กแรงขนาดนี้ พร้อมกล่าวขอโทษ แต่นางสาวเมย์มองว่า เป็นการตีระบายอารมณ์ เพราะตีเกือบ 20 ครั้งจนเขียวช้ำเลือดซิบ จากนั้นครูได้โทรกลับมาสาบานว่าจะไม่ทำอีก

โดยทางผู้ปกครองรวมตัวกันไปที่โรงเรียนในวันที่ 2 สิงหาคม 2568 ซึ่งทางโรงเรียนได้ออกหนังสือมาตรการเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. มาตรการปรับพฤติกรรม โดยพักการสอน 2 สัปดาห์ (4-22 ส.ค.) พร้อมว่ากล่าวตักเตือน ระหว่างพักการสอน ให้เข้า อบรมพิเศษด้านการบริหารจัดการอารมณ์ และการใช้จิตวิทยาเชิงบวก (ระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน) จัดทีมครูพี่เลี้ยงเข้า สังเกตการณ์การสอนและพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด เป็นระยะเวลา 3 เดือน
2.มาตรการคาดโทษ หากยังพบพฤติกรรมไม่เหมาะสมในลักษณะเดิมอีก จะพิจารณาลงโทษตามระเบียบของทางราชการ เช่น ภาคทัณฑ์ และ ตัดเงินเดือนประจำปีในรอบถัดไป

แม้จะมีมาตรการออกมาแล้ว นางสาวเหมียวและนางสาวเมย์ยืนยันว่า ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ และเมื่อเร็วๆนี้ได้เกิดเหตุการณ์รุนแรงซ้ำๆ กับเด็กคนอื่นอีกเป็นสิบเคส จนมีนักเรียนบางคนต้องย้ายไปเรียนที่อื่นแล้ว

นางสาวเมย์ เปิดเผยว่า น้องเช็ก ผ่านมาเป็นเดือน ยังมีอาการผวาและอยากจะลาออกอย่างเดียว ตนต้องให้ครูพละช่วยให้น้องเล่นกีฬาเพื่อผ่อนคลาย ขณะที่ครูคนดังกล่าวยังเป็นครูประจำชั้นอยู่ แต่ตนได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้วเพื่อดำเนินคดีหากเกิดเหตุการณ์ซ้ำ โดยครู พยายามจะเอากระเช้ามาขอโทษแต่ตนตัดบทปฏิเสธการขอโทษของครู และตั้งข้อสังเกตว่าครูอาจจะป่วยอยู่

นางสาวเหมียว เสริมว่า ตนได้พูดคุยให้แนวทางการปรับตัวกับครูคนนี้ไปเยอะมาก แต่ล่าสุดครูยังมีพฤติกรรมแบบเดิม ทำให้ไม่รู้จะให้โอกาสอย่างไรแล้ว เพราะเคสนี้ไม่ใช่เคสแรก และผู้อำนวยการเองก็ยอมรับ ผู้ปกครองจึงอยากให้ครูคนดังกล่าวลาออก หรือเปลี่ยนสายงานไปเป็นครูวิชาการโดยไม่ต้องสอนเด็ก เพราะเกรงว่าครูจะใช้อารมณ์กับเด็กคนอื่นอีก ซึ่งควรให้ครูไปรักษาตัวให้ดีขึ้นก่อนแล้วค่อยกลับมาสอน

โดยในวันจันทร์ (17 พ.ย.) นี้กลุ่มผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบเตรียมรวมตัวกันที่โรงเรียนอีกครั้ง เพื่อเข้าพบผู้อำนวยการโรงเรียนโดยตรง เพื่อเรียกร้องให้ดำเนินการ ขั้นเด็ดขาด กับครูคนดังกล่าว ไม่ใช่แค่การพักสอนหรือปรับพฤติกรรม แต่ต้องการให้พิจารณาการเปลี่ยนสายงาน หรือให้ครูคนดังกล่าวลาออก เพื่อยุติปัญหาความรุนแรงในโรงเรียนอย่างถาวร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง