สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจ ที่จังหวัดอุดรธานี

View icon 240
วันที่ 18 พ.ย. 2568 | 20.06 น.
ข่าวในพระราชสำนัก
แชร์
เวลา 10.23 น. วันนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงติดตามการดำเนินงานโรงเรียนในโครงการด้วยรักและห่วงใย ในพระราชูปถัมภ์ฯ ณ โรงเรียนบ้านค้อดอนแคน อำเภอกู่แก้ว จังหวัดอุดรธานี ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2480 เปิดสอนชั้นก่อนประถมศึกษา ถึงมัธยมศึกษาตอนต้น มีนักเรียน 270 คน เข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่ปี 2534 ปัจจุบัน ได้ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมศักยภาพทางวิชาการ จริยธรรม ตามเป้าหมายหลักของโครงการ อาทิ โครงการฝึกทักษะอาชีพ ผ่านการทอเสื่อกก, ทำขนมข้าวแต๋น, ข้าวฮางงอก, ชาใบหม่อน และการฝึกทักษะตัดผมชาย-หญิง

ส่วนโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน อาทิ ปลูกไม้ผล พืชผักสวนครัว พืชผักตามฤดูกาล ไม้เศรษฐกิจ มะพร้าวน้ำหอม มะนาว เพาะเห็ดนางฟ้า เลี้ยงหมูป่า กบนา ปลาดุกในบ่อซีเมนต์ ปลาในบ่อดิน ไก่ไข่ ไก่พื้นเมือง เป็ดเทศ และหนู ซึ่งทั้งครูและนักเรียน มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้มีทักษะจำเป็นพื้นฐาน

โอกาสนี้ ทอดพระเนตรการดำนาปลูกข้าว กข 83 มะลิดำหนองคาย ซึ่งไม่ไวต่อช่วงแสง ปลูกได้ทั้งฤดูนาปีและนาปรัง อายุเก็บเกี่ยวราว 130 วัน ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 542 กิโลกรัม มีสารต้านอนุมูลอิสระ เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่นาชลประทาน และนาน้ำฝน ในการนี้ ผู้อำนวยการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวอุดรธานี ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเมล็ดพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 จำนวน 1,000 กิโลกรัม เพื่อพระราชทานในโครงการด้วยรักและห่วงใยฯ

จากนั้น ทรงติดตามโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงในชุมชน ตามพระราชดำริฯ จังหวัดอุดรธานี  เริ่มดำเนินการเมื่อปี 2556 มีสมาชิก 199 คน ได้รับเงินทุนพระราชทาน กลุ่มละ 20,000 บาท นำไปต่อยอดสร้างอาชีพเสริม ได้แก่ กลุ่มเศรษฐกิจพอเพียงบ้านโนนสังวาลย์ อำเภอสร้างคอม, กลุ่มเศรษฐกิจพอเพียงบ้านทับกุ้ง อำเภอหนองแสง, กลุ่มเศรษฐกิจพอเพียงบ้านนาดีสร้างบง อำเภอกุมภวาปี, กลุ่มเศรษฐกิจพอเพียงบ้านหนองคอนแสน อำเภอเมืองฯ และกลุ่มเศรษฐกิจพอเพียงบ้านโนนทอง อำเภอกุดจับ มีกิจกรรมเด่น คือ ปลูกผักปลอดภัย, กล้วยหอมทอง, แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ปัจจุบัน สมาชิกทั้ง 5 กลุ่ม มีเงินหมุนเวียนรวมกว่า 340,000 บาท

ต่อจากนั้น ทรงเยี่ยมหน่วยแพทย์พระราชทานจากโรงพยาบาลกู่แก้ว, โรงพยาบาลไชยวาน และโรงพยาบาลกรุงเทพอุดรธานี ที่ร่วมกันออกหน่วยให้บริการด้านทันตกรรม และตรวจรักษาโรค มีนักเรียน และประชาชนมารับบริการ 2 วัน รวม 312 คน มีเด็กหญิง อายุ 1 ขวบ 3 เดือน ป่วยด้วยภาวะมะเร็งจอประสาทตาด้านซ้าย และเด็กชาย อายุ 1 ขวบ 10 เดือน ป่วยด้วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับผู้ป่วยทั้ง 2 คน เป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ เพื่อส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางต่อไป

เวลา 12.47 น. เสด็จพระราชดำเนินไปยังโรงเรียนบ้านสงเปลือยดงสามสิบ อำเภอกุมภวาปี ในการนี้ พระราชทานสิ่งของแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน ผู้แทนนักเรียนชาย-หญิง, พระราชทานพันธุ์ไม้ผลและเมล็ดพันธุ์ผักแก่ผู้แทนชาวบ้าน พร้อมกับพระราชทานเข็มเชิดชูเกียรติชั้นที่ 1 แก่ผู้ช่วยเหลืองานโครงการพระราชดำริ จำนวน 21 คน

จากนั้น ทรงติดตามการดำเนินโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารตามพระราชดำริฯ โดยเปิดสอนชั้นอนุบาล ถึงมัธยมศึกษาตอนต้น มีนักเรียน 252 คน ที่ผ่านมาได้พัฒนาผู้เรียนในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านการเรียนการสอนในปีการศึกษา 2557 ผลการประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีคะแนนเฉลี่ยระดับโรงเรียนสูงกว่าระดับประเทศ ทั้งด้านการอ่านออกเสียงและการอ่านรู้เรื่อง ส่วนผลการสอบ O-NET ของชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ยังต่ำกว่าระดับประเทศ ซึ่งแก้ไขด้วยการใช้ครูผู้สอนเฉพาะรายวิชาสอนเสริมในวิชาที่ได้คะแนนน้อย เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ

โอกาสนี้ ทรงเยี่ยมราษฎรและหน่วยแพทย์พระราชทานที่มาตรวจรักษานักเรียนและราษฎร มีผู้มารับบริการ 474 คน ส่วนใหญ่ป่วยด้วยโรคด้านจักษุ และโรคทางกล้ามเนื้อและกระดูก โดยทรงรับผู้ป่วย 2 คน ไว้เป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ ซึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งลูกตาทั้ง 2 ข้าง และโรคจอประสาทตาเสื่อมทั้ง 2 ข้าง

ด้านโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน มีศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติอุดรธานี และสำนักงานเกษตรอำเภอกุมภวาปี มาสอนการทำเกษตร สนับสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์การเกษตรและพันธุ์ไม้ต่าง ๆ โดยทำการเกษตรแบบยั่งยืน เน้นให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติจริงทุกขั้นตอน มีการปลูกพืชผักผลไม้ เพาะเห็ดฟาง และเลี้ยงสัตว์ อาทิ ชะอม, ผักบุ้ง,ไก่ไข่, ไก่พื้นบ้าน, ปลาดุก, ปลานิล รวมถึงทำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก และน้ำหมักชีวภาพเพื่อใช้ในแปลงเกษตร ผลิตผลที่ได้นำไปประกอบอาหารกลางวันให้นักเรียนได้รับประทานครบ 5 หมู่ ส่วนที่เหลือนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น แหนมเห็ดฟาง น้ำมัลเบอร์รี่ และแยมมัลเบอร์รี่

สำหรับน้ำดื่มเพื่อการอุปโภคบริโภคของโรงเรียน ยังประสบปัญหาน้ำไม่มีคุณภาพ มีสี และมีความเป็นกรด จึงมีพระราชดำริให้สำนักงาน กปร.ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำดื่ม โดยจัดหาแหล่งน้ำบริโภคที่สามารถผลิตเองได้โดยไม่ต้องซื้อ พร้อมกับจัดทำระบบกรองน้ำดื่มสะอาดให้กับครูและนักเรียน

ในการนี้ ทอดพระเนตรการแสดงหมอลำกลอนน้อยของนักเรียนชั้นอนุบาล ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยเป็นทำนองลำเต้ย มีเนื้อหาเกี่ยวกับโครงการตามพระราชดำริ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้ร่วมอนุรักษ์ศิลปวัฒธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่

เวลา 16.04 น. เสด็จพระราชดำเนินไปยังศูนย์สงเคราะห์บุคคลปัญญาอ่อน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อำเภอเมืองฯ พระราชทานพระราชวโรกาสให้ ประธานมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทยฯ เฝ้าทูลละอองพระบาท รับพระราชทานเงินจากผู้มีจิตศรัทธาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสมทบทุนมูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จากนั้น พระราชทานของที่ระลึกแก่ผู้มีอุปการคุณ

โอกาสนี้ ทรงเปิดอาคารเฉลิมพระเกียรติ 2 ซึ่งศูนย์สงเคราะห์บุคคลปัญญาอ่อน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือฯ จัดตั้งขึ้น เพื่อให้บริการผู้พิการทางสติปัญญาในจังหวัดอุดรธานี ตั้งแต่ปี 2526 โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระราชทานเงิน 1 ล้านบาท ก่อสร้างอาคาร "เฉลิมพระเกียรติ 1" เมื่อปี  2538 ให้บริการแก่ผู้พิการทางสติปัญญาที่เดินทางไป-กลับ ต่อมาปี 2561 ได้ให้บริการแบบอยู่ประจำ เพื่อครอบคลุมการให้บริการแก่ผู้พิการทางสติปัญญาในพื้นที่ห่างไกลในจังหวัดอุดรธานี และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้มีผู้เข้ามารับบริการเพิ่มมากขึ้น จึงมีความจำเป็นต้องก่อสร้างอาคาร "เฉลิมพระเกียรติ 2" ขึ้น โดยเป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้น 1 มีห้องบูรณาการในการพัฒนาเด็ก ห้องเรียน ห้องเล่น ห้องสื่อการสอน ห้องฝึกพูดและปรับพฤติกรรม, ห้องออกกำลังกาย และห้องฝึกอาชีพ ส่วนชั้น 2 เป็นห้องพักค้าง แยกเป็นห้องหญิง ห้องชาย ปัจจุบัน มีผู้พิการทางสติปัญญา เข้ารับการพัฒนาและฝึกทักษะ 75 คน

ในการนี้ ทอดพระเนตรผลิตภัณฑ์ที่เป็นฝีมือของผู้พิการทางสติปัญญา อาทิ พืชผักสวนครัวจากแปลงเกษตรภายในศูนย์ฯ, ผลิตภัณฑ์สบู่น้องปัญญา, สบู่เหลวน้ำผึ้งมะนาว, แชมพูสมุนไพร และน้ำยาล้างจานดอกอัญชัน มีการสาธิตการทอผ้าด้วยกี่เล็ก เป็นลวดลายต่าง ๆ เพื่อนำไปตกแต่งกระเป๋า หรือเสื้อผ้า, ผลิตภัณฑ์จากผ้าขาวม้า, พวงกุญแจจากขดลวด, กระถางดอกไม้ และการทอพรมเช็ดเท้า

สำหรับการดูแลผู้พิการทางสติปัญญา เริ่มจากการฟื้นฟูสมรรถภาพทางกาย ผ่านกิจกรรมกายภาพบำบัด การออกกำลังกาย และการเล่นกีฬา ควบคู่กับการฝึกทักษะการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน เช่น การแต่งกาย การดูแลสุขอนามัย และการรับประทานอาหารอย่างถูกวิธี นอกจากนี้ ยังส่งเสริมพัฒนาการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก ผ่านงานศิลปะ งานฝีมือ และการเล่นสร้างสรรค์หลากหลายรูปแบบ ทำให้เด็ก ๆ มีสมาธิ ความภูมิใจ และค้นพบความสามารถของตนเอง

ข่าวอื่นในหมวด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง