รวบดาวน์ไลน์คอกม้า ซื้อบัญชีม้าส่งแก๊งสแกมเมอร์ในเขมร

รวบดาวน์ไลน์คอกม้า ซื้อบัญชีม้าส่งแก๊งสแกมเมอร์ในเขมร

View icon 919
วันที่ 24 พ.ย. 2568 | 10.34 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
สืบนครบาล 3 รวบดาวน์ไลน์คอกม้าเมืองชล รับซื้อบัญชีเงินฝาก 5,000 บาท ตระเวนรับม้าไปเปิดบัญชีม้า ถึงหน้าบ้าน พร้อมให้ถ่ายรูป 7 ท่า 7 ชุด เพื่อไปทำภาพ AI หลอกชาวบ้าน ส่งขายต่อให้แก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา ราคา 80,000 บาทต่อบัญชี

จากกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ประกาศให้ารปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซนเตอร์และขบวนการสแกมเมอร์ เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อดอุดช่องโหว่และตัดเส้นทางการเงินของผู้กระทำผิด เปลี่ยนจากการตั้งรับ เป็นการรุกไล่ ยิ่งแล้วการปราบปรามบัญชีม้า ถือเป็นการต่อสู้ที่สำคัญต่อการฟอกเงินจากอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งบัญชีม้าเป็นช่องทางหลักที่แก๊งแสกมเมอร์ ใช้ในการโอนเงินจากกิจกรรมผิดกฎหมาย

โดยตำรวจฝ่ายสืบสวน กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 (กก.สส.บก.น.3) ได้ทำการสืบสวนหาข่าวผู้กระทำผิดเกี่ยวกับบัญชีม้า ตามนโยบายดังกล่าว ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่ามีกลุ่มบุคคลโฆษณาทางเฟซบุ๊กกลุ่ม “ซื้อขายบัญชี” ว่าต้องการซื้อบัญชีเงินฝากในราคา 5,000 บาท พร้อมให้ช่องทางติดต่อทางแอปพลิเคชันไลน์ จึงได้ให้สายลับติดต่อ กระทั่งทราบว่าต้องการซื้อบัญชีธนาคาร พร้อมบัตรเอทีเอ็ม และซิมการ์ดโทรศัพท์ที่เป็นชื่อเจ้าของบัญชี โดยให้ไปเปิดบัญชี พร้อมทำบัตรเอทีเอ็ม และเปิดใช้อีแบงก์กิงที่ผูกกับซิมการ์ดโทรศัพท์เจ้าของบัญชี รวมทั้งแจ้งขั้นตอนการทำข้อมูล

ต่อมาวันที่ 21 พ.ย. 68 สายลับตกลงทำการซื้อขายบัญชีกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวในราคา 5,000 บาท จะขอส่งมอบในวันรุ่งขึ้น เนื่องจากยังไม่มีเงินทุนในการเปิดบัญชีและค่าเดินทางออกจากบ้านไปธนาคาร ทางกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ตอบกลับว่าให้รอหน้าบ้าน และจะพาไปซื้อซิมและเปิดบัญชีที่ธนาคารใกล้บ้าน จากนั้นสายลับจึงได้นัดให้มารับจากชุมชนย่านมีนบุรี

จากนั้นได้มีหญิง 2 คน ขับรถยนต์เก๋ง สีฟ้า ทะเบียน กธ 3834 เลย มาพบแล้วพาสายลับออกจากบ้านไปซื้อซิมที่ตลาดและเปิดบัญชีที่ธนาคารสาขาตลาดมีนบุรี เมื่อซื้อซิมและเปิดบัญชี ทำบัตรเอทีเอ็ม เปิดบริการอีแบงก์กิงเรียบร้อยแล้ว จะพาสายลับไปทำการถ่ายรูป 7 ท่า 7 รูป ตามแบบ ตำรวจจึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบ น.ส.ปุณยานุช อายุ 25 ปี ชาว จ.ระยอง เป็นคนขับ และ น.ส.อังคนา อายุ 21 ปี ชาว จ.ชลบุรี นั่งหน้าคู่คนขับ ผลการตรวจค้นพบสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร 1 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 1 ใบ และซิมการ์ดโทรศัพท์ 1 หมายเลข ของสายลับ อยู่ในกระเป๋าผ้าสีดำ ซุกซ่อนอยู่ช่องเก็บของหน้ารถ และยังพบสมุดเงินฝากของบุคคลบุคคลอื่น ๆ อีก 11 เล่ม บัตร เอทีเอ็ม 11 ใบ และซิมการ์ดโทรศัพท์ 11 หมายเลข อยู่ด้วย พบโทรศัพท์เครื่องเปล่า 6 เครื่อง และโทรศัพท์ส่วนตัวที่ใช้ติดต่อซื้อขายบัญชีม้า 2 เครื่อง

สอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน รับว่า สมุดบัญชีเงินฝากพร้อมบัตรเอทีเอ็ม และซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ติดต่อซื้อมาจากบุคคลที่เป็นสายลับ และ ของบุคคลอื่น ๆ ในราคาชุดละ 5,000 บาท ถ้าลูกค้าไม่มีเงินก็จะออกให้ก่อน เมื่องานเสร็จก็จะหักจากค่าจ้าง 5,000 บาท คนละประมาณ 400-500 บาท โดยจ่ายเป็นค่าซิมการ์ดโทรศัพท์ 100 บาท ค่าเปิดบัญชีธนาคาร 100 บาท ค่าทำบัตรเอทีเอ็ม 299-399 บาท เมื่อได้เอกสารครบตามรายการแล้ว ก็จะนำซิมการ์ดโทรศัพท์ที่รับซื้อบัญชีเงินฝากมาจากลูกค้าใส่สมัครแอปพลิเคชันธนาคาร และไลน์คอนเน็ก ไว้แจ้งเตือนรายการเงินเข้า-ออก

จากนั้นทางฝั่งที่รับซื้อบัญชีต่อจากพวกตน จะไปเปิดแอปพลิเคชันธนาคารจากชื่อและบัญชีที่พวกตนเองส่งไปให้ในเครื่องอื่น ซึ่งทางระบบจะส่งรหัส OTP สำหรับการยืนยันเปิดแอปพลิเคชันธนาคารกับเครื่องอื่น แล้วทางพวกตนก็จะส่งรหัส OTP ให้กับผู้รับซื้อต่อไป จึงจะถือว่าเสร็จสมบูรณ์ ส่วนภาพ 7 ภาพ 7 ท่า 7 ชุด นั้น ส่งไปให้ผู้รับซื้อสำหรับทำเป็นภาพ AI ซึ่งทางพวกตนผู้รับจ้างหรือเป็นดาวน์ไลน์ ของ “เจ๊ขวัญ เมืองชล” ว่าจ้างในราคาบัญชีละ 5,000 บาท รวมค่าจ้างม้าแล้วตก 10,000 บาทต่อบัญชี เมื่อรับค่าจ้างแล้วพวกตนก็จะนำสมุดบัญชี บัตรเอทีเอ็ม และซิมการ์ดโทรศัพท์ไปส่งให้ที่ย่าน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จากนั้นทราบว่าทางเจ๊ขวัญ ซึ่งเป็นอัปไลน์เจ้าของคอกม้า จะรวบรวมทั้งหมดที่ได้จากดาวน์ไลน์ ไปให้ขบวนการกระทำผิดกฎหมายที่ประเทศกัมพูชา ในราคา 80,000 บาทต่อบัญชี

เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด และ ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อ หรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนาม ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ ตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จากนั้น นำตัวพร้อมของกลาง ส่ง พ.ต.ท.หญิง สุวิมล  มั่นใจ  รอง ผกก.(สอบสวน) สน.มีนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป