ไม่รู้ทางขับตาม GPS รถเทรลเลอร์บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์บนพลุ ประทัด 25 ตัน ตกคลองระบายน้ำ จะไปส่งหาดใหญ่ เจอภัยน้ำท่วม เอามาพักโกดังที่เมืองสุพรรณบุรี โชคดีไม่ระเบิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 29 พ.ย. 68 ที่ผ่านมา นายจิรติ รามเนตร ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองสุพรรณบุรี รักษาการนายอำเภอเมืองสุพรรณบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสุพรรณบุรี ปฏิบัติการพิเศษอำเภอเมืองสุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่ทหาร กอ.รมน. เจ้าหน้าที่เจตำรวจ สภ.เมืองสุพรรณบุรี สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุพรรณบุรี หน่วย EOD กำนันตำบลไผ่ขวาง ผู้ใหญ่บ้าน สนธิกำลังร่วมตรวจสอบรถเทรลเลอร์บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ขนพลุดอกไม้เพลิง กว่า 25 ตัน พลิกคว่ำลงคูส่งน้ำ หลังอาคารบ้านพักครูโรงเรียนดัง พื้นที่ หมู่ 6 ต.ไผ่ขวาง อ.เมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบ รถเทรลเลอร์คันดังกล่าว ออกเดินทางมาจากท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี บรรทุกพลุดอกไม้เพลิงจากประเทศจีน รวมจำนวน 1,025 กล่อง มีน้ำหนักรวมประมาณ 25 ตันกว่า และจะนำส่งไปที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อเตรียมพร้อมจำหน่ายสำหรับเทศกาลเฉลิมฉลองช่วงปีใหม่นี้ แต่เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัย บริษัทจึงได้ให้เจ้าของโกดังพลุในพื้นที่ อ.เมืองสุพรรณบุรี มาขอพักรถไว้ ชั่วคราว 1-2 วัน เพื่อรอให้สถานการณ์น้ำคลี่คลาย แต่รถบรรทุกมาเกิดอุบัติเหตุก่อนถึงโกดังเก็บ
สอบถาม นายจำลอง อายุ 44 ปี คนขับรถเทรลเลอร์ บอกว่า ตนขับรถบรรทุกสินค้าซึ่งไม่ทราบว่าภายในตู้คอนเทนเนอร์มีสินค้าอะไรอยู่ ออกมาจากท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 68 แล้วไปพักที่ จ.สมุทรสาคร จากนั้นเถ้าแก่ได้สั่งให้ขับรถนำตู้คอนเทนเนอร์มาที่โกดังในตัวเมืองสุพรรณบุรี ซึ่งตนไม่เคยมาที่โกดังแห่งนี้ จึงตั้ง GPS นำทาง เมื่อมาถึงที่เกิดเกตุ GPS ได้บอกให้ตนเลี้ยวเข้ามาตามถนนลูกรัง เลียบคูน้ำมา ด้วยความที่ไม่รู้เส้นทาง จึงขับตาม GPS บอก แต่พอมาถึงกลางทางพบว่าถนนแคบ จึงจอดถามชาวบ้านว่าถนนเส้นนี้ไปต่อได้หรือไม่ ชาวบ้านบอกว่าไปได้ตนจึงขับไปเรื่อย ๆ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุเป็นทางโค้งและแคบ ประกอบกับถนนเป็นดินอ่อนตัว ทำให้ถนนทรุด รถค่อย ๆ เอียงตัว ตนกับภรรยาที่นั่งมาด้วยจึงรีบเปิดประตูออกจากรถ แล้วยืนดูเหตุการณ์ เห็นรถค่อยเอียงก่อนจะพลิกตะแคงลงไปในคูน้ำ จึงโทรศัพท์แจ้งให้เถ้าแก่ทราบ และประสานเจ้าของโกดัง จัดหารถเครน รถแบ็กโฮมาช่วยยก หลังเกิดเหตุพอรู้ว่าในตู้คอนเทนเนอร์มีพลุกับประทัดอยู่เต็มตู้ก็ตกใจ โชคดีที่ไม่เกิดระเบิดขึ้น
ด้าน นายจิรติ กล่าวว่า การเคลื่อนย้ายในวันนี้ไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากเป็นช่วงดึก การมองเห็นและการปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก ประกอบกับตู้คอนเทนเนอร์จมน้ำทำให้มีน้ำหนักมากกว่าปกติ จึงจะเริ่มทำงานใหม่ในวันที่ 30 พ.ย. 68 เวลาประมาณ 08.00-09.00 น. โดยบริษัทจะส่งรถเทรลเลอร์มาเพิ่มอีก 1 คัน เพื่อแบ่งสินค้าที่เป็นพลุดอกไม้เพลิงจากคันที่จมน้ำมาอยู่กับอีกคันหนึ่ง เพื่อไม่ให้มีน้ำหนักเกิน สามารถบรรทุกส่งได้โดยไม่เกินน้ำหนักที่กฎหมายกำหนดไว้ พร้อมกับบริษัทประกันภัยจะดำเนินการตรวจสอบที่หน้างานในที่เกิดเหตุในคราวเดียวกัน และเมื่อทุกขั้นตอนเสร็จสิ้นจะขนส่งต่อไปที่ จ.สงขลาทันที ซึ่งรับแจ้งจากผู้ประกอบการว่าสินค้าที่จมน้ำจะเสียหายทั้งหมด บริษัทที่สงขลาจะมีระบบทำลายที่ได้มาตรฐานและถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามอำเภอเมืองสุพรรณบุรีได้ประสาน อบต.ไผ่ขวาง จัดเตรียมรถบรรทุกน้ำดับเพลิงไว้เตรียมพร้อมบริเวณพื้นที่เหมาะสมในเวลานัดหมาย รวมถึงระหว่างนี้ได้มอบหมายให้ สภ.เมืองสุพรรณบุรี อส. และผู้ปกครองท้องถิ่นท้องที่ติดตามเฝ้าระวังสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด
ล่าสุดวันนี้ (30 พ.ย. 68).นายหมวดเอก ธรรศ ศรีดุษฎี ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดฯพร้อมปลัดอำเภอเมืองสุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ปภ.จังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่ทหาร และ EOD ได้เดินทางมาตรวจสอบการเก็บรถบรรทุกพลุ ประทัด โดยมีเจ้าของโกดัง ที่ จ.สุพรรณบุรี เดินทางมาร่วม ซึ่งใช้รถเครนขนาดใหญ่ 2 คัน ยกตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นจากน้ำได้สำเร็จ และมีการเปิดดูตู้คอนเทนเนอร์ ตรวจสอบสินค้าภายในตู้พบว่าเป็นประทัดไหว้เจ้าและพลุเค้กตามรายการ ซึ่งถูกน้ำรั่วเข้าในตู้ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด โดยทางเจ้าของบริษัทนำเข้า ได้ให้ขนย้ายสินค้าทั้งหมดไปที่ จ.สงขลา ทันที เพื่อทำลายตามระบบที่ปลอดภัย
ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดเหตุได้รับการตำหนิจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองระดับสูงของ จ.สุพรรณบุรี ว่ามีผู้นำชุมชนในพื้นที่ซึ่งทราบข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงสายของวันที่ 29 พ.ย. 68 แต่ไม่ยอมรายงานให้ทางการทราบ ทั้ง ๆ ที่จุดเกิดเหตุอยู่หลังบ้านพักครู ซึ่งอยู่ในโรงเรียน และสถานพินิจ รวมทั้งยังพยายามปกปิดไม่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ ซึ่งไม่ทราบด้วยเหตุผลใด โดยช่วงนี้เป็นช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ จะมีการจุดพลุ ตะลัยไฟพะเนียง เฉลิมฉลองกัน ดังนั้นจึงต้องช่วยกันเข้มงวดกวดขันในเรื่องนี้ให้มาก ซึ่ง จ.สุพรรณบุรี เป็นจังหวัดที่เกิดเหตุพลุระเบิดมากที่สุด แต่ละครั้งมีการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ครั้งนี้นับว่าโชคดีที่พลุปะทัดไม่เกิดระเบิดขึ้น