สนามข่าว 7 สี - วงการสื่อมวลชน ต้องสูญเสียนักข่าวและผู้ประกาศข่าวอนาคตไกลอีกคน "ณัฐวุฒิ ปงลังกา" จากช่อง 8 ที่เสียชีวิตอย่างกะทันหัน
"ไอซ์ สารวัตร" ผู้ประกาศข่าวช่อง 8 โพสต์ข้อความระบุว่า "RIP เป็นเรื่องช็อก แต่มันคือเรื่องจริง หลายคนโทรมาถามข่าว "พี่นัทปง" เสียชีวิต ส่วนสาเหตุเท่าที่รู้ พี่นัทหลับแล้วไม่ตื่น ภาพนี้ คือ ภาพสุดท้ายที่เราจัดรายการด้วยกันเมื่อคืนที่ผ่านมา ยังหยอกเล่นกับพี่อยู่ ไม่คิดว่ามันจะไว ขอให้ไปสู่ภพที่ดีนะครับ"
ตามข้อมูลของ ไอซ์ สารวัตร ที่ได้เขียนไว้เบื้องต้น สาเหตุการจากไปของ ณัฐวุฒิ ปงลังกา นั้นชี้ว่า "ผู้สื่อข่าวหนุ่มได้หลับพักผ่อน และได้จากไปในห้วงเวลาดังกล่าว"
อาการดังกล่าวเบื้องต้น มีการวิเคราะห์ว่าอาจจะเกิดจาก "โรคไหลตาย" คือ ภาวะเสียชีวิตฉับพลันขณะนอนหลับ โดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนใหญ่เกิดจากกลุ่มอาการบรูกาดา (Brugada Syndrome) เป็นความผิดปกติทางพันธุกรรม ที่ทำให้การนำไฟฟ้าของหัวใจผิดปกติ เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง จนหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้ ทั้งนี้ ยังต้องรอข้อมูลที่ยืนยันชัดเจนจากผู้ใกล้ชิดอีกครั้ง ถึงสาเหตุที่แท้จริง กับการจากไปอย่าง "กะทันหัน" ของนักข่าวหนุ่มวัยเพียง 35 ปี รายนี้
นอกจากนี้ ยังมีเพื่อนร่วมงาน ทยอยออกมาโพสต์ภาพ และเขียนข้อความแสดงความระลึก เพื่อร่วมอาลัยกับการจากไปด้วย
เพจ CardioClinic WP ของนายแพทย์วิพัชร พันธวิมล อายุรแพทย์โรคหัวใจ อนุสาขาสรีระไฟฟ้าหัวใจ โพสต์ให้ความรู้ กรณีนักข่าวช่อง 8 เสียชีวิตขณะนอนหลับ ด้วยหลักทางวิทยาศาสตร์ ไม่เกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์ใด ๆ
นายแพทย์วิพัชร ระบุว่า การเสียชีวิตขณะนอนหลับในคนอายุน้อย สุขภาพแข็งแรง หากไม่ใช่การฆาตกรรม มักเกิดจากหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะ ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองและอวัยวะต่าง ๆ ไม่เพียงพอ สาเหตุแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่
1. ตรวจพบสาเหตุชัดเจน
- หลอดเลือดหัวใจตีบฉับพลัน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายอย่างรวดเร็ว เกิดลัดวงจรไฟฟ้าหัวใจ
- กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ บางชนิดกระตุ้นให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาแต่กำเนิด มีพังผืดเล็ก ๆ ที่ทำให้ไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ
2. ตรวจไม่พบสาเหตุชัดเจน หรือไม่มีอาการเตือนมาก่อน
แม้จะตรวจสุขภาพ เช่น คลื่นไฟฟ้าหัวใจ วิ่งสายพาน อัลตราซาวด์หัวใจ CT สแกน หรือ MRI ก็อาจให้ผลปกติได้ทั้งหมด
เพจเฟซบุ๊ก อาจารย์มานะ ตรีรยาภิวัฒน์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการศึกษา มหาวิทยาลัยหอการค้า โพสต์ในเฟซบุ๊ก "คุณภาพชีวิต นักข่าวภาคสนาม" พร้อมตั้งคำถาม "ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่องค์กรวิชาชีพสื่อฯ จะหันมามองคุณภาพชีวิตของนักข่าวภาคสนาม"
อาจารย์ระบุว่า วัฒนธรรมการทำงานหนักจนเกินขีดจำกัดในวงการสื่อไทย มีมานานแล้ว หนักบ้าง เบาบ้าง ขึ้นอยู่กับองค์กรและตัวบุคคล ยิ่งปัจจุบันการแข่งขันสูงจากสื่อออนไลน์ สื่อดิจิทัล ถูกกดดันจากธุรกิจสื่อขาลง ที่เลย์ออฟคนทำงานจนเหลือน้อยนิด แต่ภาระงานมหาศาล ทำให้เกิดแรงกดดันสูงกว่ายุคก่อนมาก ถึงเวลาแล้วที่องค์กรวิชาชีพสื่อ ควรหันมาสนใจ พูดคุย ถกเถียง ผลักดัน คุณภาพชีวิตของนักข่าวภาคสนามให้ดีขึ้น
นั่นหมายถึง เจ้าของธุรกิจสื่อ ผู้บริหารองค์กรข่าว หัวหน้าข่าว บก.ข่าว ควรดูแลนักข่าวในทีมในเชิงจิตใจด้วย อย่ามองแต่ตัวเลขกำไร ขาดทุน เพียงอย่างเดียว