“พล.อ.ธรรมรักษ์” รับเป็น ปธ.ที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ ระบุมาช่วยแนะนำ ไม่ได้กลับมาเล่นการเมือง

“พล.อ.ธรรมรักษ์” รับเป็น ปธ.ที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ ระบุมาช่วยแนะนำ ไม่ได้กลับมาเล่นการเมือง

View icon 94
วันที่ 1 ธ.ค. 2568 | 11.10 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“พล.อ.ธรรมรักษ์” คืนสมรภูมิการเมือง เป็นประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ ย้ำมาช่วยแนะนำ วางยุทธศาสตร์ วางตัวผู้สมัคร สส. ไม่ได้กลับมาเล่นการเมือง ชี้รู้จักคุ้นเคยกับหัวหน้าพรรค เป็นรุ่นพี่ รุ่นร้องสมัยรับราชการทหาร

บรรยากาศการเมืองร้อนระอุ เมื่อชื่อของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ปรากฏขึ้นอีกครั้งในพรรคพลังประชารัฐ จนเกิดคำถามว่า “นี่คือการคัมแบ็กกลับสู่เวทีการเมืองหรือไม่?” โดยเจ้าตัวยืนยันชัดว่า “ผมไม่ได้กลับมาเล่นการเมือง ผมมาเพื่อแนะนำ” มาช่วย ไม่ได้กลับมาเล่นการเมือง

พล.อ.ธรรมรักษ์ ระบุว่า หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเป็นผู้เชิญให้เข้ามาช่วยดูแลและให้คำแนะนำ เพราะพรรคกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวและต้องการคนมีประสบการณ์ ตนหยุดเล่นการเมืองไปแล้ว แต่ยังมีกำลังวังชา เขาเชิญให้มาช่วย จึงรับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาเพื่อให้พูดได้สะดวกขึ้นเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจกลับมาเล่นการเมือง ส่วนทำไมต้องเป็นพลังประชารัฐ ก็เพราะเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัวกับหัวหน้าพรรคซึ่งเป็นรุ่นน้องตอนรับราชการด้วยกัน มีความใกล้ชิดกัน ขอให้เข้ามาช่วยกู้สถานการณ์ หลังสมาชิกส่วนใหญ่ย้ายพรรคไป เมื่อพรรคตกต่ำ ก็มาเชิญตนมาช่วยดู ไม่ได้มีเป้าหมายอะไร

พล.อ.ธรรมรักษ์ บอกอีกว่า พรรคกำลังทบทวนยุทธศาสตร์ใหม่ทั้งหมด ทั้งนโยบาย วิธีคัดเลือกผู้สมัคร และการเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐเหลือ สส. เพียง 4 คน และกำลังคัดเลือกใหม่ทั้งหมด ซึ่งผู้สมัครที่โดดเด่นพูดไม่ได้ตอนนี้ แต่ที่เลือกมาก็ถือว่าเด็ด มีทั้งคนเก่า–หน้าใหม่ แต่ทุกคนต้องมีฐานเสียงจริง และยังมีอดีตคนของพรรคหลายคนสนใจกลับเข้ามา โดยอยู่ในขั้นตอนคัดเลือก ตอนนี้เราเปิดโอกาสให้เด็กรุ่นใหม่ ๆ มา สู่การเมือง การเลือกตั้งครั้งก่อนเขาแก้กฎหมายเด็กอายุ 18 ปี เลือกตั้งได้ สมัยก่อนต้องอายุ 20 ปี เพราะฉะนั้นเด็กอายุ 18 ปี เราต้องปลูกฝังให้เข้าใจการเมือง ระบอบการเมือง ทำความเข้าใจว่าบ้านเรามันปกครองระบอบอะไร เรามีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ถ้าเกิดไปเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เดี๋ยวก็จะเละเหมือนประเทศอื่น แต่พระมหากษัตริย์เราเป็นองค์ประมุข เป็นหลักของประเทศ เวลาขัดแย้งกันเรียกไปให้ประณีประนอมก็จบ แต่ถ้าหากเปลี่ยนการปกครองไปเป็นแบบอื่น ก็เละเทะ เพราะฉะนั้นเราจะทำให้เด็ก ๆ มีความรู้สึกแบบนี้ เดี๋ยวนี้เด็ก ๆ เริ่มตาสว่างขึ้น แล้วที่เขาไปด้อยค่าสถาบัน เราต้องเผยแพร่ประเด็นนี้ สอนให้เข้าใจในเรื่องนี้

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำว่า การเมืองไทยจะอยู่ได้ต้องสร้างสมาชิกพรรค สมัยก่อนที่ได้เยอะเพราะว่าจากการสร้างสมาชิกเคยมีสมาชิกทั่วภาคเป็นแสน ฝากถึงประชาชน ถ้ามีใครมาให้เงินก็รับเงินให้หมด ใครซื้อรับให้หมด แต่เลือกพรรคเรา การเมืองจะต้องมีมวลชวนสนับสนุนพรรค หาสมาชิกพรรคไม่ใช่จะไปซื้อเสียงลูกเดียว ปัญหาการเมืองไทยในปัจจุบันเกิดจากพรรคการเมืองอ่อนแอ ทำให้เกิดการย้ายพรรค การประมูลตัวผู้สมัคร และรัฐบาลผสมที่แต่ละพรรคต่างคิดถึงประโยชน์ตนเอง ถ้าพรรคเข้มแข็ง ระบอบก็จะเดินได้ ประเทศจะไปได้

ทั้งนี้ พล.อ.ธรรมรักษ์ ซึ่งถือเป็นอดีตแม่ทัพอีสาน ทบทวนผลงานสมัยอยู่พรรคไทยรักไทย เป็นประธานอีสานไทยรักไทย สามารถนำผู้แทนที่มี 136 ที่นั่ง ได้ถึง 126 ที่นั่ง ได้ชัยชนะอย่างล้นหลาม โดยได้อธิบายประเด็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นทหาร แต่ต้องมีความคิดเป็นของตัวเอง และเข้าใจระบบกองทัพอย่างถูกต้อง โดยในยุคที่ตนเป็น รมว.กลาโหม 2 สมัย บริหารงานเรียบร้อย ไม่มีปัญหา

อย่างไรก็ตาม การกลับมาของ พล.อ.ธรรมรักษ์ จึงไม่ใช่การคืนสู่สนามเลือกตั้ง หากแต่เป็นการกลับมาในบทบาท “ผู้ชี้ทาง” ในจังหวะที่พรรคพลังประชารัฐกำลังยืนอยู่บนรอยร้าวสำคัญของการฟื้นตัว และทำให้สายตาของทั้งวงการต้องจับจ้องว่า เส้นทางหลังจากนี้พรรคจะเปลี่ยนทิศทางไปอย่างไร ภายใต้น้ำหนักคำปรึกษาของอดีตแม่ทัพผู้มากประสบการณ์คนนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง