ดร.เอ้ ข้องใจ ทำไมใช้บัตรประชาชนใบเดียวขอรับเงินเยียวยาไม่ได้

ดร.เอ้ ข้องใจ ทำไมใช้บัตรประชาชนใบเดียวขอรับเงินเยียวยาไม่ได้

View icon 308
วันที่ 1 ธ.ค. 2568 | 15.08 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (1 ธ.ค. 68) ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ กล่าวว่า ปัญหาความสับสนระหว่างประชาชนผู้ประสบภัย เจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่กรุงเทพฯ เข้าใจไม่ตรงกันในเรื่องกฎระเบียบการขอรับเงินชดเชยเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมหาดใหญ่ จำนวน 9,000 บาท ที่นายกรัฐมนตรีเคยสั่งว่าให้ลดขั้นตอนให้น้อยที่สุด ไม่ต้องไปถ่ายสำเนาเอกสาร ใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียวก็พอ แต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น กลับยืนยันให้ผู้มายื่นเรื่องขอเงินชดเชย ต้องมีเอกสารจำนวนมาก แม้จะยื่นร้องขอทางออนไลน์แล้วก็ตาม

ความสับสนสนวุ่นวายนี้ ซ้ำเติมผู้ประสบภัยอย่างมาก เพราะส่วนใหญ่ถูกน้ำท่วมบ้าน เอกสารเสียหาย แม้กระทั่งบางคนเงินสักบาทก็ไม่เหลือติดตัว ภาระที่ต้องล้างซ่อมแซมบ้านก็มี แต่ก็ต้องมาเสียเวลาเตรียมเอกสาร หาที่ถ่ายสำเนาเอกสารอีก ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลไม่มีเงินพอที่จะจ่ายชดเชย แต่เป็นเรื่องที่การสั่งการไม่ชัดเจน ข้าราชการในพื้นที่ก็ต้องระวังการถูกสอบสวนย้อนหลังที่อาจทำให้มีความผิดทั้งทางวินัยและอาญาได้ จึงต้องป้องกันตัวไว้ก่อน

ซึ่งเรื่องนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ทั้งรัฐบาล และระบบราชการ ยังไม่พร้อมที่จะรับมือภัยพิบัติได้จริง ๆ เพราะตั้งแต่เริ่มเกิดสัญญาณอุกภัย ระบบเตือนภัยก็ล้มเหลว การสั่งการอพยพ การช่วยเหลือระหว่างน้ำท่วม ก็ล้มเหลว จนกระทั่งถึงขั้นตอนการชดเชยเยียวยา การสั่งการจากรัฐบาล ก็ยังสับสนจนล้มเหลวตามไปอีกเรื่อง

“ความจริงระบบเทคโนโลยีที่ราชการไทยนำมาใช้ในการระบุตัวตนของคนไทยมีความทันสมัยเพียงพอที่ประชาชนผู้ประสบภัยจะใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียวก็พอเพื่อยืนยันตัวตนรับเงินชดเชยเยียวยาขั้นต้น แต่ที่เกิดปัญหาเพราะระเบียบราชการ กฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ค่อนข้างเข้มงวด เพื่อป้องกันการทุจริต สวมสิทธิ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่กรณีน้ำท่วมหาดใหญ่ เป็นภัยพิบัติที่รุนแรง กินวงกว้าง และสร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวนนับแสนคน เงินเยียวยาต้องถึงมืออย่างสะดวก รวดเร็ว เพื่อนำไปฟื้นฟูความเสียหาย”

ส่วนการป้องกันการทุจริตสวมสิทธินั้น เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องหาวิธีจัดการ แต่ไม่ใช่ด้วยการบังคับกฎระเบียบหยุมหยิมต้องใช้เอกสารจำนวนมาก ถึงจะเสี่ยงทำให้เกิดการทุจริต ก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐเช่นกันที่จะต้องดำเนินการต่อไป เพราะนี่คือราคาที่ภาครัฐต้องจ่าย เมื่อไม่สามารถป้องกัน ลดความเสียหายจากภัยพิบัติตั้งแต่เริ่มแรกได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง