ฝุ่น PM 2.5 พุ่งสูงอาจก่อโรคร้ายแรง เด็กเล็กมีความเสี่ยง เพราะปอดยังพัฒนาไม่เต็มที่ หายใจเร็วทำให้ได้รับฝุ่นเข้าสู่ร่างกายมากกว่าผู้ใหญ่ พ่อแม่ต้องดูแลป้องกัน
ฝุ่น PM 2.5 นายแพทย์อาคม ชัยวีระวัฒนะ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เปิดเผยผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาว อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอดระบบหัวใจและหลอดเลือด การอักเสบของเส้นเลือดอาจเกิดโรคหัวใจขาดเลือด หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจวาย อัมพาตจากหลอดเลือดสมองตีบ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหอบหืดหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง ผิวมีจุดด่างดำและรอยย่น ดูแก่กว่าวัย เสี่ยงแท้ง คลอดก่อนกำหนด กระทบต่อพัฒนาการ ระบบสมองของทารก
เด็กเล็กเป็นกลุ่มเสี่ยง อายุยิ่งน้อยยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากเด็กเล็กมีภูมิคุ้มกันน้อยกว่าผู้ใหญ่ ปอดกำลังพัฒนา อัตราการหายใจเร็ว ทำให้ได้รับฝุ่นเข้าสู่ร่างกายมากกว่าผู้ใหญ่ ในช่วงเวลาที่เท่ากันและไม่สามารถป้องกันตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดูแลและป้องกันเด็กให้ปลอดภัยจาก Pm 2.5 ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลควรติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศในแอปพลิเคชั่น Air4Thai หรือข่าวสารจากช่องทางต่างๆ เพื่อดูว่าค่า PM 2.5 อยู่ในระดับสีใด และปฏิบัติตามคำแนะนำ ดูแลให้เด็กดื่มน้ำสะอาดวันละ 8-10 แก้ว
เด็กที่มีโรคประจำตัวอย่างใกล้ชิด เตรียมยาประจำตัวและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม หากมีอาการไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก ให้รีบพาไปพบแพทย์ ควรปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด และเปิดพัดลมให้อากาศหมุนเวียน ไม่จอดรถและติดเครื่องยนต์เป็นเวลานานในบริเวณบ้าน เมื่อ PM 2.5 อยู่ในระดับสูง ดูแลเด็กให้หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกบ้านหากต้องออกนอกบ้านควรใส่หน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น โดยพิจารณาตามอายุและความเหมาะสม และไม่อยู่นอกบ้านเป็นเวลานาน
นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า PM 2.5 คือ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก < 2.5 ไมครอน เล็กกว่า 1 ใน 25 ของเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผม จึงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า PM 2.5 สามารถลอยอยู่ในอากาศได้นาน อาจมีสารพิษเกาะติดมาด้วย เช่น สารก่อมะเร็ง สารโลหะหนัก ทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพมากขึ้น PM 2.5 ไม่สามารถผ่านการกรองของขนจมูก เข้าสู่ถุงลมของปอด และซึมผ่านเข้าสู่กระแสเลือดได้ สามารถรบกวนทำงานของอวัยวะต่างๆ ทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ