ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หลังสอบปากคำ "นานา" เสร็จ ก็ถูกพาตัวไปขออำนาจศาลอาญา ฝากขังผัดแรก ในคดีฐานฉ้อโกงทรัพย์ และความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯ ล่าสุด ผลออกมาแล้ว ว่าได้ หรือไม่ได้ประกันตัว
ตอนที่พาตัวไปขึ้นรถ รีบออกไปได้อย่างเร็วใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที ก็ขึ้นไปอยู่บนรถ จนไม่แน่ใจ ว่ากระแสข่าวเรื่องที่เมื่อคืนนี้ "นานา" เกือบช็อก ความดันพุ่ง 180 เกือบต้องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล เป็นเรื่องจริงหรือไม่
ได้เฉลยมาจาก ผู้บังคับการ และรองผู้บังคับการ ปอศ. บอกว่า เป็นภาวะปกติที่เกิดสภาวะความเครียดสูง จึงเกิดอาการแพนิกขึ้นมา แต่หลังให้สงบสติอารมณ์ และกินยาที่ "นานา" เตรียมมา ก็ค่อย ๆ ดีขึ้น
ส่วนเรื่องความคืบหน้าทางคดี ตำรวจยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม ตอนนี้ตัวเลขยังอยู่เท่าเดิมคือ 195 ล้านบาท ผู้เสียหาย 17 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนสนิท ไม่มีพฤติการณ์ชักชวนประชาชนทั่วไป จึงไม่เข้าเงื่อนไขข้อหาฉ้อโกงประชาชน ส่วน "เวย์" สามีของนานา ยังไม่พบว่ามีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ส่วน Ledger-nano-x ที่มีเพจฯ ดังระบุว่า เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งอาจมีเงินคริปโตฯ อยู่ในนั้น สรุปยืนยันว่ามีจริง แต่ "นานา" ปฏิเสธว่าไม่ใช่ของตัวเองเป็นของสามี ตอนนี้อยู่ระหว่างการประสานผู้เชี่ยวชาญร่วมตรวจสอบ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และสำหรับ "เวย์" สัปดาห์หน้าจะเชิญตัวมาให้ปากคำอีกที
ส่วนที่ศาลอาญา ตลอดช่วงเช้า ไม่เจอใครมายื่นประกันให้กับ "นานา" เลย จนกระทั่ง 14.47 น. "แนน" น้องสาวของ "นานา" นำเงินสด 1 ล้านบาทไปยื่นต่อศาลฯ เพื่อวางเป็นหลักทรัพย์ และล่าสุดประมาณ 15.30 น.ที่ผ่านมา ศาลฯ มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว "นานา" หลังพิจารณาแล้วเชื่อว่า ผู้ต้องหาจะไม่หลบหนี หรือไปก่อเหตุอันตรายอื่น โดยมีเงื่อนไข ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลฯ และให้แต่งตั้งผู้ให้คำปรึกษา ในคลินิกให้คำปรึกษาด้านจิตสังคมของศาลอาญา เป็นผู้กำกับดูแลทำหน้าที่ให้คำปรึกษาตามจำนวนครั้ง ที่ผู้ให้คำปรึกษาเห็นสมควรด้วย
สำหรับเรื่องราวดรามาเกี่ยวกับคดีนี้ ยังมีออกมาอยู่เรื่อย ๆ อย่างล่าสุด ก็มาจาก "ข้าวโพด" หนึ่งในผู้เสียหายและอดีตเพื่อนสนิท ออกมาเล่าถึงเหตุผลที่ลงทุนกับ "นานา" ว่าเพราะเห็นเพื่อนเป็นคนขยัน ไม่เคยนึกสงสัยถึงคนที่อุปโลกน์ขึ้นมา และที่ความแตก ก็เพราะเรื่องที่ "นานา" อ้างว่า ถูก ปปง.อายัดเงินทั้งของตนเอง และสามี จนสุดท้ายไปตรวจสอบเองถึงรู้ว่าไม่จริง