ปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทำแก๊งสแกมเมอร์ สะเทือน เผ่นหนีจากชายแดนเข้าไทย พบอาคารในพื้นที่โอเสม็ด ที่ถูกโจมตีมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มสแกมเมอร์ลียงพัค
11 ธันวาคม 2568 พลตำรวจตรี ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่เกิดการปะทะขึ้นในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงที่ผ่านมาพบว่า มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์ในพื้นที่ชายแดนต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มคนไทย ที่ไปทำงานกับกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์ที่อยู่ในกัมพูชา มีความพยายามติดต่อขอเดินทางกลับประเทศไทย ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เตรียมความพร้อมในการรับคนไทยที่ไปทำงานเป็นกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์ หรือ คนไทยที่อยู่ในประเทศกัมพูชาไว้แล้ว
โดยกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ ,กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ บช.ก. และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ สตม. ได้ตั้งจุดคัดกรองผู้ที่จะเดินทางกลับประเทศไทยว่ามีประวัติเกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรมออนไลน์หรือไม่ หากมีประวัติก็จะดำเนินการตามขั้นตอน ไปหาบุคคลใดที่ไม่มีประวัติก็จะทำเรื่องลงทะเบียนไว้ เพื่อดูประวัติการเดินทางเข้าออกชายแดน พร้อมทั้งใช้ในการติดตามตัวหากมีผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดี หรือ มีประวัติขึ้นมาในภายหลัง ซึ่งขณะนี้มีความพร้อมในการเตรียมการรับหากมีคนไทยเดินทางข้ามกลับมาเป็นจำนวนมากทั้งการเดินทางกลับมาโดยขั้นตอนปกติและการเดินทางกลับตามแนวชายแดนพรมแดนธรรมชาติ
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบในฐานข้อมูลจุดที่ตั้งของกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์ในพื้นที่ประเทศกัมพูชา พบว่าส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่ปอยเปตมากกว่าในพื้นที่โอเสม็ด ประเทศกัมพูชา ซึ่งอาคารที่กองทัพอากาศได้โจมตีขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์ในรูปแบบใดบ้าง แต่ยืนยันได้ว่าในจุดดังกล่าวเป็นจุดที่มีการตั้งกองกำลังทหารอยู่ภายในพื้นที่
นอกจากนี้ยังพบว่าจากการปะทะกันในพื้นที่ตามแนวชายแดนเมื่อครั้งก่อนหน้านี้มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์ที่ย้ายถิ่นฐานจากบริเวณชายแดนไทยกัมพูชาไปยังพื้นที่บริเวณชายแดนเวียดนาม และบางส่วนย้ายพื้นที่เข้าไปอยู่ใจกลางเมืองกัมพูชา อีกส่วนหนึ่งย้ายเข้าไปที่ประเทศเมียนมา แต่ก่อนการปะทะพบว่ามีการปราบปรามในพื้นที่ของเมียนมาเป็นจำนวนมากจึงพบการเคลื่อนไหวกลับเข้ามาในพื้นที่กัมพูชามากขึ้น ซึ่งการปะทะกันล่าสุดนี้เชื่อว่ามีผลต่อกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์ไม่มากก็น้อยอาจมีการย้ายถิ่นฐานจากพื้นที่แนวปะทะออกไปยังพื้นที่อื่น
โดยในประเด็นของกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์ทีมข่าวได้สอบถามไปยังแหล่งข่าวในสำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบว่า หลังการโจมตีในวันแรกพบว่ายอดการแจ้งความออนไลน์ลดลงอย่างเห็นได้ชัดจากวันละ 1,000 คดีเหลือเพียง 800 คดี แต่ในวันต่อมายอดก็ถีบตัวกลับมาเท่าเดิม
นอกจากนี้ยังมีรายงานจากแหล่งข่าวที่ว่าอาคารกาสิโนในพื้นที่โอเสม็ด ประเทศกัมพูชาที่กองทัพอากาศได้เข้าโจมตีนั้นตึกดังกล่าวมีรายงานข้อมูลการดำเนินคดีและการตรวจสอบเส้นทางการเงินของตำรวจไทยพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับนายลียงพัค โดยตึกดังกล่าวเคยเปิดเป็นคาสิโน แต่ต่อมารายได้ลดลงจากจำนวนผู้เล่นที่ลดลงประกอบกับมีรายจ่ายค่อนข้างสูง กระทั่งกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์เข้ามาติดต่อขอตั้งเป็นฐานปฏิบัติการจึงใช้พื้นที่ดังกล่าวโทรศัพท์เข้ามาหลอกลวงชาวไทยและชาวต่างชาติทั่วโลก โดยเส้นทางการเงินส่วนหนึ่งบ่งชี้ไปยังกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์และเชื่อมโยงกับนายลียงพักซึ่งถูกดำเนินคดีในไทย ซึ่งหลังจากมีการโจมตีในพื้นที่และถูกกวาดล้างบ่อยครั้งทำให้กลุ่มแก๊งดังกล่าวย้ายออกจากพื้นที่ และมีกองกำลังทหารเข้ามาใช้เป็นที่ตั้งแทน นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าในพื้นที่ดังกล่าวเคยพบชาวจีน ชาวต่างชาติประเทศอื่นๆ และคนไทย ว่ายน้ำข้ามกลับมาในพื้นที่นี้บ่อยครั้ง จนกลายเป็นจุดเฝ้าระวังจุดหนึ่งของทางการไทย